นายกฯ ตั้ง ประวิตร เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรค 3 วรรค 4 และวรรค 6 มาตรา 11 และมาตรา 15 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกฯ จึงมีคำสั่ง ความว่า
ข้อ 1. ให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พนักงานเจ้าหน้าที่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ข้อ 2. ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีหน้าที่และอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และให้มีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้ด้วย
BREAKING: ประมวลสถานการณ์หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน อานนท์-ไมค์ ระยอง-เพนกวิน-ประสิทธิ์ ถูกจับ ด้านคณะราษฎรนัด 4 โมงเย็นวันนี้ ที่ราชประสงค์
นายกรัฐมนตรีประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม เวลา 04.00 น เป็นต้นไป
– 04.30 น. อานนท์ นำภา แกนนำผู้ชุมนุมบอกให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ร้ายแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมฝูงชน โดยแจ้งให้เวลา 15 นาทีในการเก็บของ ส่วนเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลพร้อมโล่และหมวกกันน็อกขยับเข้าใกล้ผู้ชุมนุม
– 04.40 น. ผบช.น. อ่านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ผู้ชุมนุมฟัง ให้เวลา 15 นาทีเพื่อเก็บของและเดินมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ หากไม่ปฏิบัติตามจะจับกุมตามกฎหมาย
– 05.03 น. อานนท์ นำภา ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับศาลที่เชียงใหม่ ขณะที่ ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกจับกุมด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าจากคดีอะไร เจ้าหน้าที่นำขึ้นรถที่ไม่ใช่รถตำรวจเดินทางออกไป และยังไม่ทราบว่านำตัวไปที่ใด
– มีรายงานว่า เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ถูกตำรวจจับกุมที่บริเวณแยกนางเลิ้ง
– ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า บริเวณแยกวิสุทธิกษัตริย์ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบได้เข้าจับกุม ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คาดว่าเกิดจากคดีชุมนุมในเชียงใหม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าจะนำขึ้นรถตู้ไปที่ สน.นางเลิ้ง ก่อนพาไป ตชด. ภาค 1
คณะราษฎรออกแถลงการณ์ยืนยันการชุมนุมเวลา 16.00 น. ที่ราชประสงค์ หลังถูกสลายการชุมนุมและแกนนำ เพนกวิน, ทนายอานนท์, ประสิทธิ์ และไมค์ ถูกจับกุม ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่มีความชอบธรรมแต่อย่างใด เพราะการชุมนุมเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย
และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการกระทำที่ภาครัฐมีจุดมุ่งหมายบั่นทอนขบวนการประชาธิปไตย ขัดขวางประชาชน เป็นการกระทำเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและพวกพ้อง หาใช่เพื่อส่วนรวมไม่
มีการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งอาจตีความได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย คณะราษฎรขอประณามการกระทำดังกล่าวของภาครัฐ
BREAKING: พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลเวลา 04.00 น. ของเช้าวันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป
โดยที่ปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวนปลุกระดมและดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายและความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่รุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของรัฐหรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิ์ผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง กรณีจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขกรณีดังกล่าวให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป
วันนี้ (14 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางขบวนเสด็จฯ และผู้ที่กระทำอื่นใดในลักษณะที่เป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น
ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ เป็นการบ่อนทำลายการบริหารราชการแผ่นดินและความสงบสุขของประชาชน
โดย อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความห่วงใยผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในวันนี้โดยเฉพาะเยาวชนและนักศึกษา จึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองเรียกลูกหลานกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
02.00 น. อานนท์ นำภา หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร ประกาศยุติการชุมนุมบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า จากข่าวที่ทราบมาพบว่า จะมีการใช้กำลังปราบปรามประชาชนโดยใช้ความรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดเงื่อนไขของการรัฐประหาร โดยหากมีการสลายการชุมนุมจริง จะถือเป็นการขัดต่อหลักการชุมนุมสากล เบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม จึงต้องมีการยุติการชุมนุมในวันนี้ และเตรียมไปตั้งเวทีใหม่ที่แยกราชประสงค์ในเวลา 16.00 น. ซึ่งถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ พร้อมยืนยันว่า จะต่อสู้ด้วยสันติวิธีต่อไป
นอกจากนี้ทนายอานนท์ยังยืนยันว่า การกดดันรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากับการไปกดดันที่ราชประสงค์หรือหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะมีสื่อทั่วโลกจับตาดูอยู่ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการส่งผู้ชุมนุมกลับบ้าน และมีบางส่วนที่จะทยอยไปปักหลักค้างคืนที่ราชประสงค์ เบื้องต้นยังไม่มีกำหนด แต่จะมีการค้างคืนอย่างแน่นอน พร้อมระบุว่า การย้ายการชุมนุมไปที่ราชประสงค์จะไม่กระทบต่อธุรกิจ เพราะผู้ชุมนุมไปใช้เงิน และเป็นการชุมนุมโดยมีระยะเวลากำหนดที่ชัดเจน ขอให้ประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงเส้นทางและใช้รถโดยสารสาธารณะเมื่อต้องสัญจรผ่านบริเวณนั้น
ทนายอานนท์มั่นใจว่า การย้ายสถานที่ชุมนุมไปที่ราชประสงค์จะทำให้มีผู้เข้าร่วมมากกว่าวันนี้อย่างแน่นอน โดยยุทธวิธีของการชุมนุมจะมีการย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ และใช้การชุมนุมแบบดาวกระจาย เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้วางไว้
ส่วนกรณีที่มีการปลุกระดมมวลชนอีกฝั่ง ส่วนตัวไม่ให้ค่ากับคนกลุ่มนั้น อีกทั้งมองว่า ข้อกล่าวหาที่ระบุว่าผู้ชุมนุมพยายามขัดขวางขบวนเสด็จฯ นั้นถือเป็นการวางยาผู้ชุมนุม เพราะที่ผ่านมาผู้ชุมนุมพยายามหลีกเลี่ยงขบวนเสด็จฯ มาโดยตลอด แต่มีกระบวนการพยายามดึงสถาบันเข้ามาสู่วงล้อมของผู้ชุมนุมทั้งที่ไม่มีหมายกำหนดการมาก่อน
“ตำรวจพยายามดึงขบวนเสด็จฯ เข้ามาฝ่าม็อบ”
00.22 น. ตำรวจพยายามขับรถเข้ามาบริเวณเวทีเล็ก หน้ากระทรวงศึกษาธิการ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามปิดกั้นไม่ให้ผ่านไปได้ ล่าสุดรถคันดังกล่าวยอมถอยกลับไปแล้ว
23.56 น. กลุ่มเยาวชนปลดแอกโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้แถลงการณ์ของตำรวจที่ขีดเส้นให้คณะราษฎรยุติการชุมนุมในเวลา 24.00 น. และเตรียมใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการ โดยไม่ยืนยันว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า
หากรัฐกระทำการใดๆ หากรัฐเป็นกบฏต่อประชาชน หากเผด็จการกระทำรัฐประหาร ต้นทุนที่คุณต้องจ่ายจะสูงกว่าครั้งไหนๆ จนไม่อาจประเมินได้ ประชาชนผู้รักในประชาธิปไตยมีเพียงมือเปล่า มาอย่างสันติ ไม่ได้ริเริ่มความรุนแรงใดๆ มีเพียงรัฐที่จัดตั้งมวลชนเพื่อปลอบใจตัวเอง มีเพียงรัฐที่พยายามยุยงปลุกปั่น
ขอให้ทุกคนจับตาสถานการณ์ในตอนนี้ หากมีการกระทำการใดๆ ขอให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างถึงที่สุด กงล้อแห่งประวัติศาสตร์ สายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว และมันจะไม่มีวันไหลย้อนกลับ
23.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังมีการชุมนุมดังกล่าวหลายครั้งและมีการกระทำผิดซ้ำซาก ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังได้ชุมนุมในเขตหวงห้ามตามกฎหมาย รวมถึงยังมีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งได้มีการดำเนินคดีแล้ว อีกทั้งวันนี้มีการชุมนุมอีกครั้งและกระทำผิดกฎหมาย และขอแจ้งเตือนอีกครั้งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีกรณีที่มีการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อขบวนเสด็จฯ
ทั้งนี้ ยังไม่มีคำตอบว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ แต่ให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ภายในเวลา 22.00 น. ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยมาพอสมควร อีกทั้งยังมีการปักหลักค้างคืน ถือว่าจงใจฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ หลังจากนี้จะดูข้อกฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการต่อไป โดยหากยุติการชุมนุมภายในเวลา 24.00 น. ก็จะต้องมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอาจเริ่มจากมาตรการจากเบาไปหาหนัก
23.15 น. ระหว่างการหมุนเวียนขึ้นปราศรัยของกลุ่มแกนนำคณะราษฎร ฟอร์ด-ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี ได้ขึ้นปราศรัย โดยเน้นไปที่การวิจารณ์การทำหน้าที่ของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และระบบต่างๆ ที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ผลประโยชน์กับคนบางกลุ่ม จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่เหลื่อมล้ำที่สุดในโลก
ในช่วงท้าย ฟอร์ดประกาศว่า จะขอต่อสู้จนกว่า 3 ข้อเรียกร้อง จะบรรลุผล พร้อมยืนยันว่าจะไม่กลับและจะปักหลักจนกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
21.20 น. เจ้าหน้าที่ถอนกำลังไปยืนหลังบริเวณลวดหนามหีบเพลง หลังกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าเจรจาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1
21.00 น. เจ้าหน้าที่จัดขบวนตรึงกำลังบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าสอบถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ และขอร้องให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลัง หวั่นเกรงจะสร้างความแตกตื่นให้มวลชนที่อยู่บริเวณโดยรอบ
20.47 น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องขยายเสียง ประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ภายในเวลา 22.00 น.
18.32 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎรเคลื่อนขบวนเลยทำเนียบรัฐบาลมาถึงบริเวณแยกสวนมิสกวัน ก่อนที่หัวแถวจะเลี้ยวซ้ายหลังทำเนียบรัฐบาล ขณะที่แกนนำประกาศให้มวลชนล้อมรอบทำเนียบรัฐบาล
18.12 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎรเข้าประชิดแนวกั้นของตำรวจ จนกระทั่งตำรวจเริ่มถอยร่นเลยมาจนถึงประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล สุดท้ายตำรวจสามารถกลับมาตั้งแนวกั้นได้อีกครั้ง และสามารถหยุดมวลชนไว้ที่บริเวณนี้ได้
18.04 น. เกิดความวุ่นวายด้านหน้าขบวนมวลชนคณะราษฎร หลังหญิงสาวรายหนึ่งอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดกุญแจรถ และมีการยื้อแย่งกันอยู่ช่วงหนึ่ง
17.59 น. รถแกนนำคณะราษฎร นำโดย อานนท์ นำภา นำมวลชนเคลื่อนประชิดสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล
17.54 น. มวลชนคณะราษฎรเคลื่อนขบวนมา
13.57 น. อานนท์ นำภา ประกาศให้มวลชนเตรียมพร้อม เก็บของ เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล
13.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมมวลชนคณะราษฎรปรบมือแสดงความดีใจหลังช่วยกันลำเลียงต้นไม้ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อปฏิบัติภารกิจแรก ‘เข้ายึดพื้นที่’ ได้สำเร็จในพื้นที่ฝั่งแรก ขณะที่แกนนำมวลชนคณะราษฎรได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อเน้นย้ำให้กลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันลำเลียงนำต้นไม้ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยไม่ให้มีการทำลายข้าวของ (ต้นไม้)
13.30 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎร เคลื่อนพลบุกยึดพื้นที่ภายในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลำเลียงต้นไม้ออกจากพื้นที่ ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองพยายามกระชับวงล้อมเข้ามาก่อกวน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย
13.01 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังตลอดถนนราชดำเนิน ก่อนถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ หลังผู้ชุมนุมคณะราษฎรประกาศเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล
13.00 น. เกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมคณะราษฎร และกลุ่มผู้สวมใส่เสื้อเหลือง โดยมีการขว้างปาสิ่งของใส่กันเป็นระยะ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ
12.05 น. บรรยากาศการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบชายสวมเสื้อสีเหลืองกำลังสนทนากับกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร โดยติติงถึงเรื่องการปราศรัยที่มีถ้อยคำรุนแรง และพยายามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงในการทำกิจกรรมต่อไป
11.25 น. เจ้าหน้าที่นำรถประจำทาง และแผงเหล็กมากั้นบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาลตามที่ประกาศกับมวลชนไว้
11.22 น. รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร เดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว
10.55 น. พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เดินเข้าไปยังพื้นที่ชุมนุมคณะราษฎร บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยคาดว่าจะเข้าไปเจรจา แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมโห่ไล่ และระหว่างที่ ผบช.น. กำลังเดินถอยกลับนั้น ได้มีการปาถุงน้ำ และฉีดสเปรย์ใส่ ผบช.น.
10.50 น. กลุ่ม ศปปส. เคลื่อนขบวนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์นับสิบคันผ่านบริเวณ ถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวไปทางถนนตะนาว ทำให้มีการเผชิญหน้าระหว่างมวลชนกลุ่มคณะราษฎรที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน แต่ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น โดยกลุ่มการ์ดของคณะราษฎรได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณแยกทางเข้าถนนตะนาว และมีการชู 3 นิ้วโต้ตอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยบริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวด
10.45 น. เกิดเหตุชุลมุน เมื่อตำรวจนำรถขยายเสียงมาจอดด้านหน้าร้านแมคโดนัลด์ เพื่อเตรียมประกาศให้ยุติการปิดถนน สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักชุมนุมอยู่ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมรถเจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนขับไล่ จนสุดท้ายตำรวจต้องถอยรถออกไป จากนั้นแกนนำจึงเรียกมวลชนกลับมาประจำหน้าเวที
10.30 น. อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าการชุมนุมในวันนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ปะทะซึ่งกันและกัน เพราะทุกภาคส่วนยึดมั่นในระบอบแนวทางประชาธิปไตย สำหรับความเห็นต่างนั้นเกิดขึ้นได้บนพื้นฐานที่ทุกคนเป็นคนไทยและเป็นเรื่องปกติ จึงคิดว่าจะไม่มีความรุนแรง ขอย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มมวลชน เพราะจะดูแลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกกลุ่มอย่างเต็มที่
10.30 น. ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์จับกุมแกนนำ 21 คน ที่ถนนราชดำเนินเมื่อวานนี้ (13 ตุลาคม) ว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุในการปราบผู้ชุมนุม ซึ่งตนเกรงว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งในอนาคตได้ เพราะอาจเป็นเหมือนน้ำผึ้งหยดแรก
10.20 น. ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ขณะนี้กำลังรอมวลชนมาพร้อมกันในเวลา 14.00 น. จากนั้นจะเคลื่อนมวลชนไปยังทำเนียบรัฐบาล และจะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ พร้อมขอเจ้าหน้าที่อย่าใช้ความรุนเเรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งหากเกิดความรุนเเรง หรือมีการสลายการชุมนุม ก็จะยกระดับการชุมนุม
10.33 น. กลุ่มผู้ชุมนุมฉีดพ่นสีลงบนถนนราชดำเนินกลาง บริเวณรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อความระบุว่า ‘ประชาชนจงเจริญ’ ขณะที่การจราจรฝั่งแยกคอกวัวมุ่งหน้าถนนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถูกปิดแล้ว
09.23 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายเต็นท์ลงมาบนพื้นผิวถนน บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อขยายพื้นที่การชุมนุม
09.18 น. อานนท์ นำภา ยืนยันว่าการชุมนุมวันนี้จะต้องขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งให้สำเร็จ
09.02 น. อานนท์ นำภา เริ่มปราศรัยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระบุว่า “วันนี้มีความชอบธรรมที่จะมาชุมนุม เพื่อยืนยันหลักการความเท่าเทียม ถนนราชดำเนินเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของผู้หนึ่งผู้ใด”
08.57 น. ประชาชนที่สวมเสื้อเหลืองทยอยเดินทางเข้ามาตั้งแถว และจับจองพื้นที่ตลอดริมทางเท้าถนนราชดำเนินกลางเพื่อเฝ้ารอขบวนเสด็จฯ
วันนี้ (14 ตุลาคม) กลุ่มผู้ชุมนุมในนามคณะราษฎรประกาศชุมนุมใหญ่โดยเริ่มนัดหมายกันในเวลา 08.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน นำโดย รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, อานนท์ นำภา, ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก, ฟอร์ด-ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และชลธิชา แจ้งเร็ว
การชุมนุมในครั้งนี้ผู้ชุมนุมประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้
- พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
- เปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชน
- ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
โดยก่อนหน้านี้อานนท์ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้มีเซอร์ไพรส์แน่นอน หากรัฐบาลต้องการเจรจา ยืนยันว่ายินดีที่จะเจรจา โดยจะใช้ยุทธวิธี ‘กินข้าวทีละคำ’ ตามมติของมวลชนต่อข้อเสนอที่ได้รับ หากไม่มีการตอบรับ ยืนยันว่าจะยกระดับการชุมนุม และจะควบคุมให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ
สำหรับไฮไลต์ของการชุมนุมในวันนี้ คือการประกาศเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.00 น. ขณะเดียวกันยังมีการนัดหมายของกลุ่มประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ และอดีตแกนนำ กปปส. ที่นัดหมายที่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ในเวลา 13.30 น. อีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์