คนไทยหลายคนน่าจะเคยมีโอกาสได้ทำบุญโลงศพ หรือ เข้าร่วมพิธีนอนโลง เพื่อสะเดาะเคราะห์และต่อชะตาชีวิตตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ในเกาหลีใต้ก็เช่นกัน เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดเทรนด์สุดแปลกขึ้นที่นั่น คือ ‘การทดลองตาย’ ซึ่งชาวเกาหลีใต้ที่ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ส่วนใหญ่ต่างกำลังมองหาความหมายของการมีชีวิตอยู่
พวกเขาต่างมองหาโลงศพของตัวเองโดยไม่ต้องรอคอยให้ความตายมาเยือนซึ่งกิจกรรมทดลองตายนี้ถูกจัดขึ้นโดยศูนย์เยียวยา Hyowon ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางด้านเงินทุนจากบริษัทที่ให้บริการด้านการจัดหาโลงศพ
ภายหลังจากที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้รับฟังคำแนะนำและขั้นตอนในการปฏิบัติแล้ว พวกเขาจะเข้าไปในห้องโถงที่มีโลงศพตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมมีรูปใบหน้าของตัวเองตั้งอยู่ใกล้ๆ โลง ผู้เข้าร่วมจะได้เขียนพินัยกรรมเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่จะเปิดผ้าคลุมศพและลงไปนอนในโลงศพของตัวเอง
ไฟภายในห้องจะค่อยๆ มืดลง ฝาโลงจะถูกปิด และแต่ละคนจะต้องนอนอยู่ในโลงภายใต้ความมืดมิดและอากาศที่น้อยนิดเป็นเวลา 10 นาที หลายคนเปิดเผยความรู้สึกว่า เมื่ออยู่ในโลง เวลาข้างในนั้นเดินช้าลง ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดนิ่งลงอยู่อย่างนั้นตลอดไป
จองยงมุน (Jeong Yong-Mun) หัวหน้าผู้ควบคุมกิจกรรมนี้ของ Hyowon กล่าวว่า จนถึงตอนนี้มีชาวเกาหลีที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้มากกว่า 15,000 คน นับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งไม่คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตลอดการทำกิจกรรม โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทดลองตายนี้ บางคนมีอาการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงและกำลังเตรียมพร้อมสำหรับวาระสุดท้ายของชีวิต บ้างก็มีความรู้สึกที่อยากจะฆ่าตัวตายตลอดเวลา ชีวิตไร้จุดหมาย ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าและกำลังหาทางออกให้กับชีวิตของตัวเอง
มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ส่งพนักงานมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้เพื่อเพิ่มพลังด้านบวกและสร้างกำลังใจให้กับพวกเขาเอง โดยหลายองค์กรเชื่อว่า หากพนักงานของพวกเขามีความสุข สุขภาพจิตดี ดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะส่งผลเชิงบวกต่อหน้าที่และประสิทธิภาพของงานที่รับผิดชอบโดยตรง
ภายหลังกิจกรรมนอนโลงทดลองตายกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งจบลง จองยงมุนมักจะพูดกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้งว่า “ตอนนี้ตัวคุณคนเก่าได้หายไปแล้ว คุณได้เกิดใหม่ ต่อจากนี้ไปจงเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ของคุณซะ” บางคนนั่งเงียบ บางคนร้องไห้และคิดว่าที่ผ่านมายังไม่เคยได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ยังไม่เคยใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเลย ไม่นานนักบทสนทนาระหว่างผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ก็ดังขึ้น ใบหน้าของทุกคนเริ่มเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เริ่มมีเสียงหัวเราะ และตบท้ายด้วยเสียงลั่นชัตเตอร์ถ่ายเซลฟีกับโลงศพของตัวเอง
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขารู้สึกราวกับเป็นคนละคนหลังจากที่ทดลองตาย เพราะได้เปิดประสบการณ์และมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ รวมถึงเห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัวที่ทำหน้าที่หลอมรวมและขัดเกลาพวกเขาตลอดมา
หนึ่งในบรรดาคนที่ทดลองตายเผยความรู้สึกผ่านบล็อกส่วนตัวว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่คุณเชื่อไหม กิจกรรมที่ยาวนานเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ เปลี่ยนฉันเป็นคนใหม่ ฉันรู้สึกได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง ฉันยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้”
แล้วที่ผ่านมาคุณยังมีอะไรที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ลองลงมือทำดูบ้างไหม ลองพาตัวเองออกมาจากกรอบเดิมๆ ตารางชีวิตแบบเดิมๆ เติมสีสันใหม่ๆ ให้กับชีวิตดูบ้าง ลองดูสักครั้งจะเป็นอะไรไป!
อ้างอิง: