วันนี้ (29 กันยายน) พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวการจัดการแข่งขันบุรีรัมย์ มาราธอน ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด ‘Your Ultimate Destination-สวรรค์ของนักวิ่ง’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันโดยจะชิงชัยในวันที่ 23-24 มกราคม 2564 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
โดยพิพัฒน์กล่าวว่า บุรีรัมย์ มาราธอน นับเป็นรายการวิ่งที่ดีที่สุดรายการหนึ่งของเมืองไทย และเป็นความภาคภูมิใจที่ประเทศของเราสามารถยกระดับการจัดงานจากระดับเหรียญทองแดง (Bronze Label) ขยับขึ้นมาเป็นเหรียญเงิน (Silver Label) ได้สำเร็จ โดย World Athletics องค์การกำกับคุณภาพของการวิ่งของโลก ได้มอบ Silver Label Road Races ระยะฟูลมาราธอน (Full Marathon) รายการแรกและรายการเดียวของประเทศไทยให้กับบุรีรัมย์ มาราธอน ใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้นในการพัฒนามาตรฐานสู่ระดับโลก เป้าหมายต่อไปคือระดับเหรียญทอง (Gold Label) และการผลักดันให้กลายเป็นหนึ่งในเมเจอร์มาราธอน แบรนด์ระดับแถวหน้าของโลก ปีที่ผ่านมามีนักวิ่งทั้งไทยและต่างประเทศร่วมมากกว่า 30,120 คน ซึ่งการเดินทางมาพร้อมกับผู้ติดตาม ทำให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด มีรายได้หมุนเวียนในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงอย่างมหาศาล
ด้าน ธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้กล่าวถึงมาตรการการรับมือนักท่องเที่ยวและนักวิ่งที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดในแง่การบริหารจัดการที่พักที่มีราคาสูงขึ้นภายในจังหวัดว่า เรื่องโรงแรมที่พักที่มีการขึ้นราคาเป็นปัญหาอยู่ ได้ตั้งคณะทำงาน และได้ออกหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบการ จัดตั้งศูนย์ร้องเรียนหากพบราคาสินค้า-บริการไม่เป็นธรรม สามารถโทรร้องเรียนได้ที่สำนักงานปลัดจังหวัด ที่ทำการจังหวัด หรือร้องเรียนในเพจศูนย์รับเรื่องร้องเรียนโรงแรมที่พักบุรีรัมย์ได้ทันที ยืนยันว่าหากเกิดขึ้นพร้อมที่จะดำเนินคดีลงโทษอย่างแน่นอน
ขณะที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า ปีนี้เรายังคงรักษามาตรฐานการจัดงานเพื่อปูทางสู่มาตรฐานระดับเหรียญทองเช่นเดิม แต่ด้วยสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ทำให้แผนปีนี้เกิดอุปสรรคคือ ตัวแปรเรื่องการเดินทางเข้าประเทศของนักวิ่งระดับ Elite ในอันดับระดับโลกไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงตั้งเป้าจัดวิ่งตามมาตรฐานเหรียญทอง หากในช่วงนั้นมาตรการภาครัฐอำนวย เรามีเป้าในการนำนักวิ่ง Elite ที่ผ่านมาตรการกักตัว 14 วันมาเข้าร่วมชิงชัย เพื่อเป้าหมายที่จะทำให้บุรีรัมย์ มาราธอนเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันมาราธอนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และติดหนึ่งในมาราธอนที่คนทั่วโลกอยากเดินทางมาร่วมมากที่สุด
“การจัดการแข่งขันปีนี้ถือว่าเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่มีความท้าทายมาก เพราะจะเป็นการเดิมพันเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยในการเปิดประเทศ และจัดกีฬา รวมทั้งการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งครั้งนี้จะถือเป็นกุญแจสำคัญที่เป็นต้นแบบแสดงให้เห็นถึงการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ที่มีการควบคุมการระบาดได้” เนวินกล่าว
เนวินกล่าวต่อว่า การแข่งขันปีนี้ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการ โดยข้อแรกจะปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง มีจุดคัดกรองตรวจโรค และสอดคล้องไปกับมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ข้อสองในเรื่องจำนวนนักวิ่ง เราจะแยกวันวิ่งออกเป็น 2 วันคือ ย้ายระยะมินิมาราธอนมาเป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์เหลือเพียงระยะฮาล์ฟมาราธอนและมาราธอน เพื่อลดความแออัด ส่วนการออกสตาร์ทจะปล่อยตัวแบบฟันปลา และปล่อยตัวทีละบล็อก ซึ่งจะมีผลกระทบปล่อยตัวฮาล์ฟ มาราธอน ช้าไป 20 นาที แต่เราก็แก้ไขด้วยการสร้างอุโมงค์น้ำ เพื่อช่วยแก้เรื่องอากาศร้อน
“สำหรับความพร้อมตอนนี้เราพร้อมเต็มร้อยแล้ว ยืนยันว่าเราจะจัดงานตามมาตรฐานระดับเหรียญทองแม้ในช่วงปีนี้ทาง World Athletics จะไม่มีการยกระดับมาราธอนรายการใด ทำให้เราพลาดสู่ระดับเหรียญทองได้ภายใน 3 ปี แต่เรายืนยันว่าในปี 2565 บุรีรัมย์ มาราธอน จะก้าวไปสู่ระดับเหรียญทองให้ได้” เนวินกล่าว
ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าว คณะผู้จัดงานโดย กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด มอบเงินรายได้จากกิจกรรมปีที่ผ่านมา รวมทั้งเปิดให้มีการจำหน่าย Bib การกุศล รายได้จำนวน 522,000 บาทมอบให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์ และยังได้การมอบเงินสนับสนุนสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 1,000,000 บาท โดยมี พล.ต.อ. สันต์ ศรุตานนท์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้รับมอบ
สำหรับ ‘บุรีรัมย์ มาราธอน 2021 พรีเซนเต็ด บาย เครื่องดื่มตราช้าง’ ปีที่ 5 จัดในรูปแบบ New Normal แบ่งการแข่งขันเป็น 2 วัน ในวันที่ 23 มกราคม 2564 จัดการแข่งขันในระยะฟันรัน (5 กิโลเมตร) และมินิมาราธอน (10 กิโลเมตร) และวันที่ 24 มกราคม 2564 ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กิโลเมตร) และมาราธอน (42.195 กิโลเมตร) เพื่อเป็นการกระจายนักวิ่งออกไป โดยมาราธอนและฮาล์ฟมาราธอนนั้นจะออกสตาร์ทจากสนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตในช่วงเช้า วิ่งไปตามแลนด์มาร์กที่สำคัญ เป็นจุดท่องเที่ยวต่างๆ เข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอลช้าง อารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนมินิมาราธอนและฟันรันจะสตาร์ทในช่วงเย็น ชมบรรยากาศในสนามแข่งรถระดับโลก สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ อย่างเต็มอิ่ม” ติดตามได้ที่ www.burirammarathon.com และ www.facebook.com/bru.marathon
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า