เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (15 กันยายน) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) โดยจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติกลุ่มพรีเมียมที่ต้องการพำนักในไทยระยะยาวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ นักท่องเที่ยวจะต้องกักตัวในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัว (ASQ) หรือโรงพยาบาลที่พัก (AHQ) นาน 14 วัน ทั้งนี้นักท่องเที่ยวกลุ่ม STV จะเสียค่าตรวจตราครั้งละ 2,000 บาท และได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยนาน 90 วัน และสามารถขยายระยะเวลาพำนักได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวมระยะเวลา 270 วัน โดยมาตรการนี้จะเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
กระทบอย่างไร:
เมื่อวานนี้ราคาหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและโรงพยาบาลตอบรับเชิงบวกนำโดย
- ราคาหุ้น บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เพิ่มขึ้น 8.37%DoD สู่ระดับ 25.25 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เพิ่มขึ้น 8.23%DoD สู่ระดับ 3.42 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เพิ่มขึ้น 5.50%DoD สู่ระดับ 23.00 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เพิ่มขึ้น 6.01%DoD สู่ระดับ 1.94 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เพิ่มขึ้น 2.59%DoD สู่ระดับ 59.50 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เพิ่มขึ้น 0.51%DoD สู่ระดับ 3.92 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เพิ่มขึ้น 0.49%DoD สู่ระดับ 20.50 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ลดลง 1.86%DoD สู่ระดับ 105.50 บาท
ขณะที่วันนี้ (16 กันยายน) ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวชะลอความร้อนแรงลงตามทิศทางตลาดหุ้นไทย
- ราคาหุ้น BH เพิ่มขึ้น 2.37%DoD สู่ระดับ 108.00 บาท
- ราคาหุ้น AOT เพิ่มขึ้น 1.26%DoD สู่ระดับ 60.25 บาท
- ราคาหุ้น AWC เพิ่มขึ้น 1.02%DoD สู่ระดับ 3.96 บาท
- ราคาหุ้น MINT เพิ่มขึ้น 0.87%DoD สู่ระดับ 23.20 บาท
- ราคาหุ้น BDMS เพิ่มขึ้น 0.49%DoD สู่ระดับ 20.60 บาท
- ราคาหุ้น ERW ลดลง 2.34%DoD สู่ระดับ 3.34 บาท
- ราคาหุ้น CENTEL ลดลง 1.39%DoD สู่ระดับ 24.90 บาท
- ราคาหุ้น AAV ลดลง 0.52%DoD สู่ระดับ 1.93 บาท
ข้อมูลราคาปิด ณ 12.30 น.
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่ามาตรการนี้เป็นพัฒนาการเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังจากอยู่ในภาวะซบเซามาตั้งแต่เดือนเมษายน โดยข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวแบบลองสเตย์ที่มีกำลังซื้อสูงจะมีรายจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 5,200 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึงสองเท่า โดยรัฐบาลคาดว่ามาตรการนี้จะทำให้มีนักท่องเที่ยวลองสเตย์ไม่เกิน 1,200 คนต่อเดือน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ถือว่าจำนวนนี้น้อยกว่าช่วงก่อนการระบาดโควิด-19 ที่ระดับ 3 ล้านคนต่อเดือน
ในเบื้องต้น SCBS คาดว่าหุ้นกลุ่มโรงแรมระดับลักชัวรีจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ ซึ่งได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC ขณะที่โรงพยาบาลระดับบนอย่าง BDMS และ BH ก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไปคือ การตอบรับของนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายต่อมาตรการนี้ รวมถึงมาตรการเฝ้าระวังของภาครัฐเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 หลังจากอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนไทยและนักท่องเที่ยวได้
มุมมองระยะยาว:
ในระยะยาว SCBS มองว่า อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ผลประกอบการฟื้นตัวคือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ SCBS คาดว่าจะใช้เวลา 3 ปีกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 โดยมีสาเหตุจากการผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางเมื่อการแพร่ระบาดเบาบางลง และความต้องการทางการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ต้องติดตามการคิดค้นวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งจะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นปัจจัยกระตุ้นให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวสู่ระดับปกติ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
%DoD คือ % การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับวันทำการก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า