วันนี้ (3 กันยายน) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนการพิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ กรณียื่นคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวชั่วคราวของ อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ผู้ต้องหาในคดีร่วมชุมนุมคณะประชาชนปลดแอก
โดยศาลใช้เวลาไต่สวนคู่ความและพิจารณาผลการไต่สวนตลอดทั้งวัน จนเมื่อเวลา 16.30 น. ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกันอานนท์ โดยมีคำวินิจฉัยว่าเนื้อหาการปราศรัยผิดเงื่อนไขตามคำร้องจริง และเข้าข่ายสร้างความวุ่นวายในหมู่ประชาชนอันอาจจะก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ศาลไม่ตัดสิทธิการขอประกัน หากผู้ต้องหาประสงค์จะยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง
ขณะที่ ไมค์ ระยอง ศาลวินิจฉัยแล้วไม่เพิกถอนประกัน แม้จะผิดเงื่อนไขจริง เนื่องจากพิเคราะห์อายุ อาชีพ การงานของผู้ต้องหาแล้วอยากให้โอกาสกลับตัว แต่ศาลได้เพิ่มหลักทรัพย์ในการขอประกันตัวจากเดิม 100,000 บาท เป็น 200,000 บาท พร้อมให้รายงานตัวต่อศาลทุก 15 วันนับจากวันนี้ไป แต่ไมค์แจ้งความประสงค์กับทนายความว่าไม่เพิ่มวงเงินประกันตัว และพร้อมเข้าเรือนจำไปพร้อมทนายอานนท์
ขณะที่ กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของอานนท์ ระบุว่าแม้ศาลเพิกถอนประกันอานนท์เนื่องจากเคลื่อนไหวจนทำให้เกิดความวุ่นวายจนผิดเงื่อนไขประกันตัว แต่ศาลก็ไม่ตัดสิทธิยื่นขอประกันตัวชั่วคราว ซึ่งศาลอาจพิจารณาเพิ่มวงเงินเท่าไรก็ได้ หรือมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ อานนท์ฝากบอกเพื่อนๆ และสื่อมวลชนกรณีที่มีการจับกุมนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากเป็นการคุกคามเพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของประชาชน หากขอปล่อยตัวชั่วคราวก็จะโดนจับอีกเหมือนเป็นการข่มขวัญคนอื่นๆ จึงตัดสินใจพูดกับศาลว่าอิสรภาพสำคัญน้อยกว่าความก้าวหน้าของสังคม และสำคัญน้อยกว่าประชาธิปไตยของประเทศชาติ
ขณะที่ ไมค์ ระยอง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่าเชื่อมั่นในมวลชนทุกคน ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป แล้วเราจะพบกันที่เส้นชัย การสูญเสียอิสรภาพเพื่อรักษาระดับเพดานการเรียกร้องครั้งนี้เพื่อชัยชนะของประชาชน และรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์ประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังเผยแพร่จดหมายเขียนด้วยลายมือ มีใจความว่า
“ขบวนการประชาธิปไตยเริ่มออกเดินทาง เมื่อทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบันคือการหลงระเริงด้วยอำนาจ การออกเดินทางครั้งนี้ พวกเราผู้มีอุดมการณ์แห่งความเป็นประชาธิปไตยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการเดินหน้าต่อสู้ต่อความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำ
“หากขบวนการในการเดินทางครั้งนี้ต้องขาดใครสักคน ขอทุกคนจงเชื่อมั่นในจุดมุ่งหมายที่เราร่วมทางกันมา อย่าหยุดรอใครให้เวลามันเดินไปอย่างเสียเปล่า แต่ขอจงสู้ต่อไปเพื่อนำชัยชนะมาสู่ขบวนการของพวกเรา
“การเสียสละอิสรภาพของใครคนใดคนหนึ่งเป็นเพียงการต่อสู้ที่ต้องพบเจอของนักต่อสู้ ผมเชื่อมั่นในตัวทุกคนว่าถ้าผมไม่ได้รับอิสรภาพ ทุกคนจะเดินต่อไปได้ และจะพบชัยชนะตามที่เราต่อสู้มา”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์