×

อนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ มีมติเห็นชอบซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท กองทัพเรือยันมีความจำเป็น

โดย THE STANDARD TEAM
21.08.2020
  • LOADING...

วันนี้ (21 สิงหาคม) ที่ประชุมอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณางบประมาณ พ.ศ. 2564 ส่วนของกองทัพเรือ ในรายการจัดซื้อเรือดำน้ำ เนื่องด้วยมีความเห็นเป็น 2 ทาง และทางกองทัพเรือยังยืนยันว่ามีความจำเป็น ไม่สามารถเลื่อนได้ ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการลงคะแนนเสียงโดยการยกมือลงมติ จากคำถามว่าเห็นชอบหรือไม่ตามคำขอปี 2564 (เรือดำน้ำ) 

 

ผลการลงมติคือ มีคะแนนเท่ากัน 4 ต่อ 4 เสียง ทำให้ประธานในที่ประชุมตามข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎร ข้อที่ 79 วรรคสองโดยอนุโลม ต้องลงคะแนนชี้ขาด ประธานในที่ประชุมคือ สุพล ฟองงาม ได้ออกเสียงว่า “เห็นชอบตามคำขอปี 2564 (เรือดำน้ำ)” ส่งผลให้งบประมาณสำหรับจ่ายค่างวดโครงการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่ารวมทั้งหมด 22,500 ล้านบาท ที่เสนอโดยกองทัพเรือ ผ่านด้วยมติ 5 ต่อ 4 เสียง

 

โดยก่อนเริ่มประชุม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์และร่วมแสดงความเห็น โดยกล่าวว่า การจัดหาเรือดำน้ำตามกระบวนการได้มีการอนุมัติเรือลำแรกผ่านไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งพวกเราไม่ได้มีอำนาจไปยกเลิก แต่ทั้งนี้ถ้าถามตน ตนต้องบอกว่าการจัดหาเรือดำน้ำไม่จำเป็น ไม่ควรจัดซื้อตั้งแต่แรก แต่เนื่องด้วยไม่สามารถย้อนอดีตได้ จึงขอว่า ในปี 2564 ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ จนต้องมีการกู้เงินทั้ง 2 ปีงบประมาณ เป็นเงินสูงถึง 2 ล้านล้านบาท ประชาชนกำลังลำบาก ท้องถิ่นหลายๆ ที่ถูดลดเงินอุดหนุน จนบางแห่งมีเงินงบประมาณที่ใช้ในการลงทุนเพียง 8 แสนบาทตลอดทั้งปี งบประมาณในส่วนของนักเรียนและครูถูกปรับลดตัดดอก 

 

จึงขอว่าให้เลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำในปีงบประมาณนี้ออกไปก่อน นำงบประมาณที่จะจ่ายค่างวดในปีนี้ไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็น นำไปฟื้นฟูเยียวยาให้กับประชาชน การจัดซื้อเรือดำน้ำ หากเศรษฐกิจดี เราค่อยพิจารณากันใหม่ ช้าไป 1 ปี ไม่น่ามีผลกระทบมากนัก

 

ขณะที่ทางกองทัพเรือได้ตอบยืนยันว่า “ไม่เลื่อน” กองทัพเรือมีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ

 

ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการลงคะแนนเสียง ซึ่งผู้ที่จะลงคะแนนเสียงได้มีแค่อนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนเท่านั้น โดยการประชุมวันนี้มีทั้งหมด 9 คน รวมประธาน โดยผลการลงมติเป็นดังนี้ 

 

เห็นชอบตามคำขอปี 2564 (เรือดำน้ำ) 5 เสียง ผู้ที่ลงมติเห็นชอบประกอบด้วย

  1. สุพล ฟองงาม พรรคพลังประชารัฐ (ประธานในที่ประชุม)
  2. จีรเดช ศรีวิราช พรรคพลังประชารัฐ 
  3. ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู พรรคประชาธิปัตย์ 
  4. กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา พรรคพลังประชารัฐ 
  5. ชยุต ภุมมะกาญจนะ พรรคภูมิใจไทย

 

ส่วนผู้ที่ลงมติไม่เห็นชอบ 4 เสียง ประกอบด้วย 

  1. มานิตย์ สังข์พุ่ม พรรคเพื่อไทย 
  2. ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร พรรคเพื่อไทย 
  3. เรวัต วิศรุตเวช พรรคเสรีรวมไทย 
  4. วรรณวรี ตะล่อมสิน พรรคก้าวไกล

 

ผลการลงมติคือ 5 ต่อ 4 เสียง รวมประธานในที่ประชุม จึงมีข้อสรุปจากที่ประชุมอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน เห็นชอบตามคำขอของกองทัพเรือในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่ารวมทั้งหมด 22,500 ล้านบาท โดยจะจ่ายงวดแรกทั้งหมด 3,900 ล้านบาท

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา กองทัพเรือได้เข้ามาชี้แจงการจัดของบประมาณกับทางอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร โดยปีงบประมาณ 2564 มีวงเงิน 48,289 ล้านบาท และมีรายการจัดซื้อเรือดำน้ำใหม่จำนวน 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ซึ่งทางอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ได้มีมติให้แขวนงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำไว้ก่อน โดยให้กองทัพเรือไปนำเอกสารมาชี้แจงว่า ในสัญญาจะสามารถเลื่อนการจัดซื้อได้หรือไม่ ซึ่งทางกองทัพเรืออ้างว่า ไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้ เนื่องจากเป็นการจัดซื้อแบบ G2G คือการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ จะทำให้เกิดความเสียหายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศจีน 

 

ทั้งนี้ ในวันนี้ (21 สิงหาคม) ที่ประชุมอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ได้มีการพิจารณาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำอีกครั้ง โดยทางกองทัพเรือได้นำสัญญา Agreement for Construction of S26t Submarine Between Government of Thailand and Government of China มาชี้แจงต่อที่ประชุม ซึ่งในสัญญาไม่ได้ปรากฏข้อความตามที่กองทัพเรือกล่าวอ้างในเรื่องความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศจีน หากมีการเลื่อนการจัดซื้อในปีนี้แต่อย่างใด รวมถึงในสัญญาก็ไม่ได้มีการระบุพันธะผูกพันให้ต้องซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ด้วย

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X