พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกมายืนยันว่า การที่บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะหักเงินจากการสนับสนุนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยมาใช้กับเทคโนโลยี VAR นั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เนื่องจากเป็นเงินสนับสนุนคนละส่วน
โดยจากกรณีที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี กล่าวว่า
“ต้องเล่าก่อนว่าแป้งเป็นสปอนเซอร์ของสมาคมฯ มาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งทีมงานของแป้งกำลังรวบรวมอยู่ว่าที่ผ่านมาแป้งจ่ายค่าสปอนเซอร์ไปแล้วทั้งหมดเท่าไร และส่วนนี้ถือเป็นการจ่ายค่าสนับสนุนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
“ขณะที่ในปีนี้ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีการเจรจากับสมาคมฯ ว่าจะลดลงจาก 20 ล้านบาท เหลือ 16 ล้านบาท และวันนี้จะพูดออกสื่อเลยว่าจริงๆ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ให้เหมือนกัน เพราะด้วยสถานการณ์แบบนี้ ทุกบริษัทได้รับผลกระทบอยู่แล้ว และน่าจะอยากเก็บเงินกันไว้ แต่วันนี้ 16 ล้านบาทเอาของแป้งไปเลย เพื่อให้ทุกสโมสรในไทยลีกเอาไปเป็นค่า VAR”
ล่าสุด ทาง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทางข่าวสดออนไลน์ โดยเปิดเผยว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินคนละส่วนกัน ซึ่งหากต้องการใช้ระบบ VAR ช่วยตัดสินโดยที่เมืองไทยประกันภัยจะออกค่าใช้จ่ายเอง ต้องเป็นเงินที่ไม่เกี่ยวกับการสนับสนุนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
“ทางสมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือ หากมีผู้สนับสนุนเงินในการใช้จ่ายเกี่ยวกับ VAR และไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องไม่ใช่การเอาเงินจากส่วนอื่นมาใช้ เพราะอย่าลืมว่าเมืองไทยประกันภัยให้การสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติ เงินจำนวนนั้นต้องเอาไปบริหารจัดการฟุตบอลทีมชาติ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสนับสนุน แม้ว่าสุดท้ายแล้วในปีนี้ฟุตบอลหญิงของไทยจะมีการแข่งขันหรือมีโปรแกรมหรือไม่ เงินจำนวนนี้ต้องชี้แจงได้ว่าเอาไปใช้งานด้านใดบ้าง การจะเอาเงินสนับสนุนฟุตบอลหญิงทีมชาติเพื่อไปใช้ในการแข่งขันฟุตบอลลีกเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“หากสโมสรต้องการใช้ VAR จริง ต้องเอาเงินไปจ่ายให้กับบริษัทไอสปอร์ต ผู้รับผิดชอบเรื่อง VAR โดยตรง ไม่ใช่ให้สมาคมฯ เอาเงินจากการสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไปจ่ายให้กับกิจกรรมของฟุตบอลลีกอาชีพ ที่สำคัญทางสมาคมฟุตบอลยังไม่ได้เห็นเงินจำนวนดังกล่าว หากต้องการจะจ่ายค่าดำเนินการ VAR เองต้องเป็นเงินจากส่วนอื่น”
โดยก่อนหน้านี้ทาง พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน โฆษกของสมาคมฯ ยังได้ออกมาชี้แจงทุกประเด็นที่เมื่อวานนี้สโมสรการท่าเรือ เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด และเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ขอความชัดเจนด้านการบริหารจัดการฟุตบอลไทยลีก
โดยทาง พล.ต.ท. อำนวย กล่าวถึงการใช้ VAR ว่า ทางสมาคมฯ ไม่มีแผนจะยกเลิกแต่อย่างใด เพียงแต่ช่วงนี้สมาคมฯ กำลังขาดสภาพคล่องทางการเงินจากสถานการณ์โรคโควิด-19
“การนำเทคโนโลยี VAR มาใช้ในการตัดสิน เกิดขึ้นตามนโยบายของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การบริหารงานของ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งถือเป็นชาติแรกในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังเป็นอันดับต้นๆ ในทวีปเอเชียและไม่กี่ประเทศของโลก โดยได้มีการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร นำเทคโนโลยี VAR เข้ามาเพื่อให้การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพและรายการอื่นๆ ที่จัดขึ้นโดยสมาคมฯ มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด และต้องใช้ความพยายามและเวลาเป็นอย่างยิ่ง จนได้รับการอนุมัติรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติในที่สุด
“จึงเห็นได้ว่า นี่คือเจตนารมณ์ของสมาคมฯ ที่ต้องการยกระดับและพัฒนาวงการฟุตบอลไทยมาตั้งแต่แรก หากไม่มีวิกฤตโควิด-19 และปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกับทรู วิชั่นส์ ซึ่งทำให้เงินค่าลิขสิทธิ์หายไป 800 ล้านบาท ผมเชื่อว่า สมาคมฯ ไม่ยกเลิกการใช้เทคโนโลยี VAR อย่างแน่นอน
“ส่วนกรณีเรื่องความชัดเจนในการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพทั้งนี้ ในการลงมติของสโมสรสมาชิกเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 มีความเห็นว่าให้กลับมาแข่งขันในวันที่ 12 กันยายน 2563 และจบฤดูกาลเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดการดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม
“เรื่องเงินสนับสนุน สมาคมฯ จัดสรรเงินสนับสนุนจากค่าลิขสิทธิ์บางส่วนให้กับทีมสโมสรสมาชิกในทุกฤดูกาล เมื่อทรู วิชั่นส์ ยืนยันจะถ่ายทอดสดถึงแค่วันที่ 25 ตุลาคมนี้ จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินสนับสนุนของทีมสโมสรสมาชิก ซึ่งขณะนี้สมาคมฯ กำลังดำเนินการเจรจาเพื่อหาผู้ถ่ายทอดหรือถือลิขสิทธิ์รายใหม่ เพื่อนำเงินมาจัดสรรให้แก่ทีมสโมสรสมาชิก และช่องทางการถ่ายทอดสด จำนวนนัดที่จะมีการแพร่ภาพ หากกระบวนการดังกล่าวเสร็จสิ้น สมาคมฯ จะแจ้งให้ทราบโดยเร็วต่อไป
“สำหรับการตรวจสอบงบดุล งบกำไร-ขาดทุน รายรับ-รายจ่ายของสมาคมนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีสถานะเป็นนิติบุคคล และได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ภ.ง.ด. 55 ตาม ม.68 และ ม.69 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวเป็นเอกสารที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
“นอกจากนี้สมาคมฯ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อชี้แจงงบดุล งบกำไร-ขาดทุน รายรับ-รายจ่ายต่างๆ ของสมาคมฯ และได้ส่งเอกสารทั้งหมดให้แก่สโมสรสมาชิกก่อนการประชุม 30 วันเป็นการเฉพาะ โดยในปี 2563 ได้จัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 24 ตึก 25 ชั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หากยังมีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อประสานงานเพื่อขอรับคำชี้แจงจากทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้โดยตรง”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: