หลังการโดนบาเยิร์น มิวนิก ถล่มอย่างย่อยยับตกรอบยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยสกอร์ถึง 8-2 ซึ่งเป็นผลการแข่งขันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลุญญา ได้เกิดเสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทีมบาร์เซโลนาอย่างเร่งด่วนที่สุด
การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นทันทีโดยได้มีการประกาศปลด กีเก้ เซเตียน โค้ชของทีมที่เพิ่งจะรับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และล่าสุดวานนี้ (18 สิงหาคม) มีการประกาศปลด เอริก อบิดัล ผู้อำนวยการสโมสรพ้นจากตำแหน่งต่อเนื่องทันที
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงในสองจุดนี้เป็นสิ่งที่ถูกคาดเอาไว้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็น ‘เป้าใหญ่’ ที่จะถูกปัดความรับผิดชอบก่อน
แต่สิ่งที่แฟนบอลหลายคนต้องการจะเห็นคือการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งที่ใหญ่กว่านั้น คือตำแหน่งประธานสโมสรของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ที่ถูกมองว่าเป็นสาเหตุใหญ่ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ของบาร์ซา โดยต้องการให้มีการเลือกตั้งประธานสโมสรใหม่โดยเร็วที่สุด
ในจุดนี้ทางด้านฝ่ายบริหารยังไม่ยอมเปิดทางให้ โดยทางด้านบาร์โตเมวได้ออกมาแถลงถึงเรื่องการเลือกตั้งที่เป็นหนึ่งในแนวทางในการจัดการแก้ไขปัญหาด้วยการปฏิรูปทีมครั้งใหญ่ ด้วยการย้ำว่าทางฝ่ายบริหารไม่ต้องการให้สโมสรต้องตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากการเลือกตั้ง เนื่องจากฟุตบอลฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นภายในอีก 5 สัปดาห์ข้างหน้าเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจคือการประกาศให้การเลือกตั้งครั้งใหม่มีขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงระหว่างการแข่งขันในฤดูกาล และในส่วนนี้เป็นสิ่งที่ต้องจับตาต่อไปในอนาคต
ในส่วนของปัจจุบันนั้นบาร์ซาจะมีการเปลี่ยนแปลงใน 3 จุดสำคัญดังนี้
การกลับบ้านของคูมัน
วันนี้ (19 สิงหาคม) บาร์ซาได้ทำการประกาศแต่งตั้ง โรนัลด์ คูมัน เข้ารับตำแหน่งโค้ชคนใหม่ของทีมเป็นที่เรียบร้อยตามความคาดหมาย หลังจากที่ทางด้านบาร์โตเมวได้มีการเปรยถึงก่อนหน้านี้
การกลับมาครั้งนี้ของคูมัน เป็นการกลับคืนถิ่นเก่าอีกครั้งของอดีตยอดปราการหลังชาวเนเธอร์แลนด์ ที่เคยเป็นหนึ่งในขุนพลชุด ‘ดรีมทีม’ ภายใต้การนำของ โยฮัน ครอยฟ์ ยอดโค้ชผู้วางรากฐานของบาร์ซาให้ครองความยิ่งใหญ่ในยุคที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี คูมันไม่ใช่ตัวเลือกเดียวแต่อย่างใด เนื่องจากบาร์ซาให้ความสนใจในตัว เมาริซิโอ โปเชตติโน อดีตผู้จัดการทีมท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เป็นหนึ่งในโค้ชยุคใหม่ที่ได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือสูงที่สุด
แต่จากวิกฤตของบาร์ซา และภูมิหลังของโปเชตติโน ที่เคยเป็นอดีตผู้เล่นและโค้ชของเอสปันญอล คู่ปรับร่วมเมืองที่เคยลั่นวาจาว่า “จะไม่คุมบาร์ซาเด็ดขาด” ทำให้ฝ่ายบริหารของบาร์ซาไม่ต้องการที่จะเดิมพันกับความเสี่ยงที่สูงเกินไป แม้จะรู้ว่ากุนซือชาวอาร์เจนไตน์น่าจะมีความสามารถในการกอบกู้ทีมให้กลับมาอยู่แถวหน้าได้อีกครั้งก็ตาม
ตัวเลือกอย่างคูมัน ซึ่งเป็นอดีตนักเตะเก่าของทีมจึงเป็นทางเลือกที่ ‘ซอฟต์’ กว่า
อย่างน้อยอดีตกองหลังพลังช้างสารที่เคยเป็นฮีโร่ทำประตูชัยในเกมนัดชิงยูโรเปียนส์คัพ (ชื่อเดิมของรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) เมื่อปี 1991 นัดที่พบกับซามพ์โดเรีย พาทีมเป็นจ้าวยุโรปสมัยแรก ก็เป็น ‘คนใน’ ของสโมสรที่ย่อมรู้วิถีทางของทีมเป็นอย่างดี
ขณะที่ในเรื่องของผลงาน การกอบกู้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์จากที่ตกต่ำอย่างหนักจนสามารถกลับมาเป็นทีมระดับชั้นนำของยุโรปได้อีกครั้งก็เป็นผลงานที่น่าสนใจ
ความจริงแล้วคูมันเคยเป็นตัวเลือกแรกที่ทางด้านบอร์ดบริหารของบาร์ซาต้องการได้ตัวมาแทนที่ของ เอร์เนสโต บัลเบร์เด เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ถูกปฏิเสธไปเนื่องจากคูมันไม่ต้องการที่จะกลับมาทำงานให้กับผู้บริหารชุดนี้
แต่หลังจากที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการโรคหัวใจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่าเป็นเหตุผลหนึ่งที่คูมันตัดสินใจที่จะตอบรับข้อเสนอครั้งนี้ของบาร์ซา ซึ่งเป็นทีมรักที่ต้องการจะกลับมาร่วมงานด้วยอีกครั้ง
ปลดผู้อำนวยการสโมสรตัวแสบ
นอกจากการเปลี่ยนแปลงโค้ชแล้ว ในตำแหน่งผู้บริหารที่มีหน้าที่สำคัญในการดูแลเรื่อง ‘นอกสนาม’ ของสโมสรอย่างตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคเองก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
โดยทางด้านบาร์ซาได้ออกแถลงการณ์ว่าได้มีการแยกทางกับ เอริก อบิดัล ซึ่งเป็นการพูดแบบสุภาพของคำว่า ‘ไล่ออก’
การถูกสั่งเด้งของอบิดัลเป็นเรื่องที่ถูกคาดหมายเอาไว้อยู่แล้ว เนื่องจากอดีตนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งเคยเป็นหนึ่งในขุนพลบาร์ซายุคเรืองรองเป็นผู้บริหารที่มีข่าวอื้อฉาวอย่างมากมายตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
ปมร้อนป๊อปคอร์นชีสในรั้วคัมป์นู เริ่มตั้งแต่การที่อบิดัลให้สัมภาษณ์ในการพาดพิงนักเตะบาร์ซาว่ามีส่วนในการทำให้สโมสรต้องตัดสินใจปลดบัลเบร์เด ที่พาทีมเป็นแชมป์ลาลีกา 2 สมัยออกจากตำแหน่ง ในทำนองว่าทีมไม่ตั้งใจเล่น ซึ่งทำให้ผู้นำในทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี ไม่พอใจอย่างมากออกมาโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานระหว่างฝ่ายบริหารกับนักเตะในทีม ซึ่งเป็นหนึ่งใน ‘ราก’ ปัญหาของบาร์ซา รวมถึงกรณีข่าวอื้อฉาวเรื่องที่มีการว่าจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ในการสร้างเรื่องฉาวให้แก่เมสซี รวมถึงตำนานสโมสรอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ ชาบี เอร์นานเดซ
ไม่รวมถึงการจัดหาผู้เล่นที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยเฉพาะการซื้อคูตินโญ, อุสมาน เดมเบเล และ อองตวน กรีซมันน์ ไม่นับรายอื่นๆ ที่ผลาญเงินไปอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งทำให้สโมสรตกอยู่ใต้วิกฤตทางการเงินอย่างรุนแรง
ภายใต้สถานการณ์วิกฤตอย่างที่เป็นอยู่ สิ่งที่บาร์โตเมวจำเป็นต้องทำคือการ ‘ตัดไฟ’ อย่างอบิดัลออกไปเสียก่อน เพื่อเป็นการลดทอนกระแสแรงกดดัน รวมถึงลดกระแสข่าวเรื่องการอำลาทีมของเมสซี ที่มีการกระพือข่าวออกมาอย่างหนัก
สำหรับคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อไปยังไม่มีการเปิดเผย แต่จะเป็นคนในคาถาของฝ่ายบริหารชุดนี้อย่างแน่นอน
ถ่ายเลือดครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี
อีกหนึ่งสิ่งที่บาร์ซาจำเป็นต้องทำคือการ ‘ถ่ายเลือด’ ครั้งใหญ่ของสโมสรหลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับนี้มานานนับตั้งแต่ช่วงที่มีการถ่ายเลือดจากสตาร์ชุดเดิมอย่าง โรนัลดินโญ, เดโก และอื่นๆ เพื่อเปลี่ยนมาเป็นยุคที่ใช้แกนหลักจากลามาเซีย นักเตะฝึกหัดของสโมสรที่นำมาโดยชาบี, อันเดรส อิเนียสตา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เกราร์ด ปิเก และเมสซี
ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ทีมแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งแกนของทีม แต่จากความล้มเหลวในฤดูกาลนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าทีมมีปัญหาอย่างมากในเรื่องขุมกำลังที่โรยราลงอย่างเห็นได้ชัด
ปัญหาใหญ่คือการที่บาร์ซาไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วย ‘เงิน’ เหมือนที่เคยทำมาตลอด เนื่องจากสโมสรประสบปัญหาค่าใช้จ่ายมหาศาล หนี้สินอีกนับไม่ถ้วน และเจอโรคระบาดโควิด-19 ที่กระทบต่อรายได้ของสโมสรอย่างมาก
บาร์โตเมว เปิดเผยว่าสโมสรจะขาดรายรับมากถึง 320 ล้านยูโร ทำให้การซื้อผู้เล่นเซตใหม่เข้ามาเป็นเรื่องยาก
สิ่งที่บาร์ซาจะทำคือการรักษานักเตะที่ประเมินแล้วว่ายังดีพอที่จะใช้เป็นแกนหลักของทีมต่อไปได้ ซึ่งทางด้านบาร์โตเมวยืนยันแล้วว่าจะมีเมสซี ที่จะไม่ยอมขายออกไปจากทีมอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีกรีซมันน์, แฟรงกี เดอ ยอง, อันซู ฟาติ, เคลอมองต์ ลองเลต์, มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเกน ที่ได้รับการการันตีอนาคตกับทีม
แต่ที่น่าสนใจคือการที่ไม่มีชื่อของ หลุยส์ ซัวเรซ สตาร์กองหน้าจอมเก๋าที่ถูกคาดว่าจะโดนโละออกจากทีมเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล และผลักดันดาวรุ่งภายในทีมขึ้นมาแทนที่
ปฐมพยาบาลหรือผ่าตัดใหญ่?
ถึงแม้ว่าบาร์โตเมวจะแถลงให้เห็นภาพของการแก้ไขปัญหาของสโมสรว่าเป็นเหมือนการผ่าตัดใหญ่
แต่ในความจริงแล้วบาร์ซาเวลานี้ทำได้เพียงแค่ ‘ปฐมพยาบาล’ ไปพลางๆ ก่อนเท่านั้น เนื่องจากทีมติดขัดหลายอย่าง และจุดที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจริงๆ ต้องรอการเลือกตั้งประธานสโมสรในปีหน้า
ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องถาวร แม้กระทั่งตำแหน่งโค้ชของคูมัน ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้หากผลงานไม่เข้าเป้า และมีประธานสโมสรคนใหม่อย่าง บิคตอร์ ฟอนต์ ตัวเต็งในการเลือกตั้งที่เป็นที่รู้กันว่ามีความชื่นชอบในตัว ชาบี เอร์นานเดซ เป็นอย่างมาก
รวมถึงอนาคตของนักเตะที่เป็นศูนย์รวมของทีมอย่างเมสซี ที่ต่อให้วันนี้ยังอยู่กับทีมต่อไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่กับทีมต่อไปเรื่อยๆ
หากบาร์ซายังย่ำแย่แบบนี้ และตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา บางทีราชาลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์อาจไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าการจากไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์