รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจระงับแผนขึ้นภาษีบนสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักรมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ ที่ใช้เป็นมาตรการลงโทษกรณีการอุดหนุนผู้ผลิตเครื่องบิน Airbus อันเป็นปัญหาขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปมานาน 16 ปี
เมื่อปีที่แล้วสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้ายุโรปกว่า 100 รายการ รวมถึงซิงเกิลมอลต์วิสกี้และชีส หลังองค์การการค้าโลก (WTO) ตัดสินว่า การที่รัฐบาลยุโรปช่วยเหลือ Airbus ในการจัดหาเครื่องบินโดยสาร A380 และ A350 นั้นเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎเกณฑ์การค้า พร้อมให้ไฟเขียวสหรัฐฯ ใช้มาตรการตอบโต้ยุโรปได้ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีเครื่องบินจากอัตรา 10% เป็น 15% และคงภาษีอัตรา 25% กับสินค้านำเข้าอื่นๆ ต่อไป
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังขู่ที่จะขึ้นภาษีเพิ่มเติม รวมถึงเพิ่มรายการสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าด้วย
อย่างไรก็ตาม สองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะสงบศึกการค้าที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระหว่าง Airbus กับคู่แข่งอย่าง Boeing อันเนื่องมาจากการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม
โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ กล่าววานนี้ (12 สิงหาคม) ว่า “EU และประเทศสมาชิกไม่ดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพียงพอตามที่ WTO กำหนด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการหาทางแก้ปัญหาขัดแย้งนี้ในระยะยาว”
ด้าน EU ได้แสดงความยินดีกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยระบุว่า ทางคณะกรรมาธิการยุโรปรับทราบการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ขึ้นภาษีสินค้ายุโรป เพราะไม่ต้องการทำให้ปัญหาความขัดแย้งกรณีเครื่องบินเลวร้ายลงไปอีก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: