วันนี้ (14 กรกฎาคม) ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นทหารชายสัญชาติอียิปต์ ซึ่งเดินทางพร้อมกับคณะเข้ามาในประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และเข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ในโรงแรม จังหวัดระยอง โดยไม่มีการกักตัว 14 วัน โดยที่อ้างว่าเป็นไปตามเงื่อนไขข้อยกเว้นที่ให้ลูกเรือต่างชาติเข้ามาปฏิบัติภารกิจในประเทศไทยได้ และยังพบว่าคณะดังกล่าวมีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลายแห่งในจังหวัดระยอง เช่น ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังมีกรณีการพบผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ซึ่งเป็นครอบครัวคณะทูตจากแอฟริกา เดินทางเข้ามาพำนักที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยอ้างว่าได้รับข้อยกเว้นให้กับคณะทูตที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย จึงไม่มีมาตรการกักตัว 14 วันเช่นกันนั้น
ศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า เหตุทั้งสองกรณีเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความหละหลวมและเลือกปฏิบัติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ ปล่อยให้มีอภิสิทธิ์ชนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้โดยอิสระ ไร้มาตรการตรวจสอบและกักกันตามมาตรฐาน เลือกใช้แต่เฉพาะกับคนไทยชนชั้นล่างเท่านั้น ซึ่งไม่อาจยอมรับได้ เพราะได้สร้างความเสี่ยงให้เกิดขึ้นกับคนไทยให้หวาดผวากับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในจังหวัดระยอง และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จนทำให้จังหวัดและเทศบาลนครระยองต้องสั่งปิดสถานศึกษาในเขตเทศบาลไปกว่า 10 แห่ง รวมทั้งพนักงานโรงแรมและห้างสรรพสินค้าต้องถูกตรวจสอบและกักตัว ส่งผลเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก โดยที่ ศบค. ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด รวมทั้งการปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้งให้ประชาชนทราบด้วย
ศรีสุวรรณยังได้กล่าวถึง ผอ.ศบค. และโฆษก ศบค. พยายามโฆษณาชวนเชื่อ และขู่ประชาชนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้คนไทยการ์ดตก แต่กลับเป็น ศบค. นั่นเองที่หละหลวมและเอาใจคณะทหารและคณะทูตจากต่างประเทศเสียเอง พยายามที่จะใช้เหตุเหล่านี้ขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด เพราะจะสามารถรวบอำนาจแบบรวมศูนย์ได้ และทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเบิกเบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทนความดีความชอบแบบทวีคูณได้อีกมากมาย ในขณะที่ภาคธุรกิจ ภาคสังคมต้องเสียหายยับเยิน โดยที่ ศบค. ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา และไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ เลย ซึ่งถ้าจิตสำนึกยังมีความรับผิดชอบหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ควรแสดงสปิริตโดยการลาออกไป
ศรีสุวรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า ในนามของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะเดินทางไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.234 ประกอบ พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ในการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดผู้อำนวยการ ศบค. และคณะ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ต่อไป โดยจะไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 15 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนนทบุรี
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า