วันนี้ (2 กรกฎาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงหลัง เทพไท เสนพงษ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า รู้สึกผิดหวังกับการจัดการระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคใต้ ที่ทำให้เสียโอกาสการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ฐานคมนาคมว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทุกภาค ทุกกลุ่มจังหวัด เพราะฉะนั้นจะต้องพิจารณาจากฐานข้อมูลเดิมว่าจะพัฒนาอย่างไร และบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์ ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจ และสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาในเรื่องนี้แล้ว ยืนยันจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดก่อนว่าขั้นตอนแรกจะดำเนินการอย่างไร จะสามารถต่อเส้นทางไหนได้บ้าง เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนหรือลดระยะทางลงไป จากนั้นจะพัฒนาไปสู่การทำเส้นทางตรง ซึ่งหลายอย่างต้องอาศัยพื้นที่ และศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ทั้งหมดนี้กระทรวงคมนาคมได้รับเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นขอให้สบายใจได้ วันนี้ก็มีการตั้งบประมาณในการศึกษาโครงการต่างๆ เหล่านี้ หากเป็นไปได้ก็จะเร่งรัดให้เร็วขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้ คือเราได้มีการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ถือว่าพัฒนามากกว่าในช่วงที่ผ่านมาพอสมควร เพราะตนเห็นใจคนภาคใต้ ส่วนเรื่องสนามบินจังหวัดตรัง ก็มีการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว และรัฐบาลจะฟังจากเสียงประชาชนที่จะเห็นชอบร่วมกัน ในการพัฒนาจังหวัดตรัง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแลแบบนี้ โดยยืนยันไม่ได้ขอเพื่อส่วนตัวหรือตัวเอง และไม่มีให้ใครอยู่แล้ว แต่จะฟังความคิดเห็นส่วนรวมว่าต้องการอะไร ทั้งหมดจะถูกบันทึกอยู่ในแผนยุทธศาสตร์
พล.อ. ประยุทธ์ ยังย้ำว่า จะเปลี่ยนแปลงระบบคมนาคมขนส่งใหม่ทั่วประเทศในระยะต่อไป ขณะนี้กำลังให้กระทรวงคมนาคมศึกษาทำแผนในการเชื่อมโยงทำเส้นทางคมนาคมสายไหม ตะวันตก-ตะวันออก เหนือ-ใต้ กลาง-อีสาน ที่จะไม่ทับเส้นทางเดิม แต่จะต้องไปศึกษาหาพื้นที่ให้ได้ และเมื่อผ่านการอนุมัติแล้ว กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ประชาชนทราบต่อไป และโดยจะก่อสร้างพร้อมกัน เพราะเป็นการบริหารงานแบบบูรณาการ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะมีการเสนอให้ประชาชน สังคม และสื่อมวลชนทราบต่อไป
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า การขยายเส้นทางใหม่ๆ จะเป็นการขยายเมืองให้กับประชาชน เพราะขณะนี้เกิดการกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้าย เกิดการสร้างงาน อาชีพใหม่ ตามเส้นทางคมนาคมที่กำลังจะก่อสร้าง จึงขอความร่วมมือกับทุกพรรคว่าขอให้ความร่วมมือกับรัฐบาล หากรักประชาชนจริง และยืนยันจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และสุจริต
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ แต่การดำเนินการต่างๆ ขึ้นอยู่แต่ละโครงการ ว่าจะดำเนินการอย่างไร สิ่งสำคัญต้องมีการลงทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่อย่างมอเตอร์เวย์ ที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการใหม่ หากใช้วิธีการแบบเดิมๆ โครงการเหล่านี้ก็อาจจะยังไม่เกิด วันนี้โครงการต่างๆ เสนอเข้ามาแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งต้องลำดับใจความสำคัญของแต่ละโครงการ แต่หากโครงการใดทำไม่ได้หรือไม่พร้อม และผ่านการอนุมัติงบประมาณไปแล้ว ก็ให้ปรับโยกงบประมาณไปยังโครงการอื่น นี่คือหลักการในการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้เป็นธรรมและสุจริต เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงานของส่วนราชการด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า