×

‘พิธา’ ไม่ขอวิจารณ์ปม นฤมล มีชื่อนั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ชี้นายกฯ ต้องสร้างการเมืองให้คนเก่งอยากเข้ามาแก้ปัญหา

โดย THE STANDARD TEAM
29.06.2020
  • LOADING...

วันนี้ (29 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงกรณีที่กระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะตั้ง นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ว่าประชาชนเรียกร้องถึงความชัดเจนของบุคลากรที่เป็นทีมเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจ ตอนนี้รัฐบาลออกมาตรการมาหลายรูปแบบ ทั้ง พ.ร.บ. โอนงบประมาณ พ.ร.ก. กู้เงิน และงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 แต่ถ้าไปดูดัชนีความเชื่อมั่นในการบริโภคและตัวเลขในการท่องเที่ยวจะเห็นว่า ประเทศไทยมีการตอบสนองปัญหาอย่างเต็มที่ ทั้งนโยบายการเงินและการธนาคาร แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนและ SMEs กลับต่ำลงเรื่อยๆ รัฐบาลจึงต้องตัดสินใจไม่ใช่แค่ในมุมการเมือง แต่ต้องดูถึงความเหมาะสมเพื่อให้เกิดความมั่นใจกลับคืนมา และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็จะง่ายขึ้น ดังนั้นบุคลากรที่เลือกต้องอยู่บนความพร้อมสำหรับแก้ปัญหาในมหาวิกฤตอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยกตัวอย่าง การเยียวยาแรงงานนอกระบบ เกษตรกร คนพิการ ผู้สูงอายุ และเด็ก จะหมดลงในเดือนหน้า หรือการพักชำระหนี้จากธนาคารก็จะหมดเดือนกันยายนแล้ว ซึ่งประชาชนก็จะตั้งคำถามว่า แล้วอย่างไรต่อ ตอนนี้นโยบายต่างๆ ยังไม่ได้เรียกความเชื่อมั่น แต่กลับคงไว้ซึ่งความกลัวจากการต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยไม่มีเหตุผลและความชอบธรรม ทั้งที่ปลอดโควิด-19 มา 30 กว่าวันแล้ว ถือว่ากระทบเศรษฐกิจในทางอ้อม ทำให้นักลงทุนเกิดความกลัวในการเข้ามาลงทุนเพิ่ม นายกรัฐมนตรีจึงต้องตัดสินใจในการแก้ปัญหา ถูกต้องที่ท่านเคยบอกว่าประเทศไหนก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเหมือนกันหมดในช่วงนี้ 

 

แต่จากการรายงานของสำนักงานต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบมากที่สุด ทั้งที่ก่อนหน้าบริหารประเทศมากว่า 7 ปีโดยไม่มีฝ่ายค้าน มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่มีการเตรียมการสำหรับรับมือกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณสุข หรือแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม พอถึงตอนนี้ท่านจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ที่ต้องแก้ปัญหาโดยด่วน

 

ทั้งนี้พิธาไม่ขอลงรายละเอียดถึงตัวนฤมล แต่เสนอว่าบุคคลที่จะเข้ามาทำงานด้านเศรษฐกิจต้องมีความเข้าใจถึง Supply Chain ระดับโลก เข้าใจการผลิต การเงิน และการธนาคาร รวมทั้งต้องติดดิน เข้าใจประชาชนได้จริง แต่จากปัญหาการเมืองที่ระอุมาก จึงไม่มีใครอยากเข้ามาทำงานพยุงเศรษฐกิจ คนไม่อยากเข้ามาเปลืองตัว นายกฯ ต้องจัดบรรยากาศในการทำงานให้เหมาะกับคนที่มีความรู้ความสามารถและพร้อมเข้ามาเสียสละทำงาน ถ้าคนนอกที่อยากเข้ามาทำงานก็อยากรักษาประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน แต่ถ้าติดเรื่องโควตาและเล่นการเมืองแบบเก่า ก็เป็นบรรยากาศที่ไม่มีใครอยากเข้ามา เพราะทำงานแบบไม่มี ส.ส. สนับสนุนเป็นฐานของตัวเองก็เก้าอี้ลอย พอเข้ามาทำงานแล้วสักพักก็ไม่ได้รับการสนับสนุน หรือทำงานเสร็จแล้วผลักออก

 

อย่างไรก็ตาม พิธาเห็นว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่ทำมาตอนนี้เหมือนทำมาเพื่อแช่แข็งประเทศไทย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปี 2563 ไม่มีการแก้ปัญหาของชาวภาคเหนือที่มีปัญหาไฟป่าคู่กับโควิด-19 ภาคอีสานภัยแล้งคู่กับโควิด-19 หรือภาคใต้ที่มีปัญหาการท่องเที่ยวพร้อมกับโควิด-19 พวกเขาเหล่านี้จะต้องผิดหวัง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องเร่งเยียวยาภาคใต้ก่อนอันดับแรกตามความเร่งด่วน โดยดูจาก GPP ของภูมิภาคไม่ใช่ GDP ของประเทศ อีกทั้งถ้าเป็นตนเองเห็นจะใช้เทคโนโลยี เช่น เว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันเป็นกลไกให้เข้าถึงประชาชน เหมือนสิงคโปร์ที่กดทีเดียวเงินเยียวยาถึงประชาชน ดังนั้นตนจึงหวังว่าคนที่จะเข้ามาทำงาน หลังการปรับ ครม. ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ในการแก้งบประมาณที่ไม่ตรงจุด คิดแผนให้นายกรัฐมนตรี และหวังว่านายกจะไม่ใช้อำนาจและตีเช็กเปล่า และหากโครงการต่างๆ ที่เสนอมาใช้จ่ายจากงบประมาณเงินกู้ 1.1 ล้านล้านบาทไม่ตอบสนองจุดประสงค์ ก็ต้องสามารถโอนกลับมาใช้ในด้านการป้องกันโรคได้

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X