วันนี้ (24 มิถุนายน) ที่หน้ารัฐสภา เกียกกาย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ครช. ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน จัดกิจกรรม ‘24 มิถุนายน 2563 ทวงคืนมรดกคณะราษฎร ทวงสัญญารัฐธรรมนูญประชาชน’ กิจกรรมหลักประกอบด้วยการอ่านแถลงการณ์ของคณะราษฎร การปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาและรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะที่มา ซึ่งแม้จะมีการทำประชามติ แต่เป็นการทำประชามติที่ถูกควบคุมโดยผู้มีอำนาจ การปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น หรือการรณรงค์ให้เกิดการรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไม่เสรี
อนุสรณ์ อุณโณ ในฐานะผู้นำการจัดกิจกรรม หยิบยกปัญหาของรัฐธรรมนูญปี 2560 ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยชี้ให้เห็นว่า การแต่งตั้งคณะบุคคลขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้การกำกับของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดยไม่มีตัวแทนของประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไม่มีความยึดโยงกับประชาชน จะพบว่ามีการระดมสรรพกำลังอย่างกว้างขวาง และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติควบคู่ไปกับการปิดกั้น ข่มขู่ คุกคาม และฟ้องร้องดำเนินคดี ผู้นำเสนอข้อมูลอีกด้าน ไม่นับรวมถึง การถือวิสาสะแก้ไขเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ หลังผ่านการออกเสียงประชามติแล้ว รัฐธรรมนูญปี 2560 จึงไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน
หากแต่สะท้อนความต้องการของกลุ่มบุคคลที่จะสถาปนาอำนาจของตนเองในนามของรัฐ พร้อมกับลดอำนาจของประชาชน สิทธิของประชาชนในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าหายไป ขณะที่สิทธิบางด้านถูกเปลี่ยนเป็นหน้าที่ของรัฐ แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า รัฐจะทำตามหน้าที่หรือไม่ รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวยังสร้างเงื่อนไขให้ตัวแทนของประชาชน เช่น นักการเมืองและพรรคการเมืองอ่อนแอ อยู่ภายใต้อาณัติขององค์กรที่ไม่ได้มาจากประชาชนหรือยึดโยงกับประชาชน ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระอย่างกว้างขวางในการกำกับควบคุมพรรคการเมืองและสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สิทธิในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีที่ไม่จำเป็นต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการเป็นปราการด่านสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้หลักพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย มรดกของคณะราษฎรด้านอื่นๆ ได้ถูกลบล้างอย่างกว้างขวางภายใต้รัฐบาล คสช. ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่หมุดคณะราษฎรที่หายไปอย่างมีเงื่อนงำ การย้ายอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ การย้ายอนุสาวรีย์พระยาพหลพลพยุหเสนา และรูปปั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งถือเป็นการกระทำและความพยายามลบล้างมรดกของคณะราษฎร และมีแนวโน้มจะขยายวงออกไปเรื่อยๆ โดยไม่เคารพต่อข้อเท็จจริงและหลักฐานทางประวัติศาสตร์
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางคณะ ครช. ได้เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เมื่อถึงวันนี้ 24 มิถุนายน 2563 จึงเป็นโอกาสที่จะได้ติดตามทวงถาม ทวงสัญญารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และเป็นโอกาสในการทวงคืนมรดกคณะราษฎรโดยเฉพาะ
- การแก้ไขหรือการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องวางอยู่บนหลักพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ทั้งในแง่ของที่มา กระบวนการ และเนื้อหา
- สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเร่งยกร่างและเสนอพระราชบัญญัติการรับฟังความเห็นของประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ และดำเนินการให้แล้วเสร็จในสมัยประชุมนี้ เพื่อจะได้จัดให้มีการออกเสียงประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปลายปีนี้ตามที่กำหนดไว้
- ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องจัดให้มีกลไก เช่น สภาฯ ร่างรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
- รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน กำหนดให้องค์กรที่ใช้อำนาจต้องมาจากหรือยึดโยงกับประชาชน นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง และต้องไม่นิรโทษกรรมให้กับคณะรัฐประหาร
หลังอ่านแถลงการณ์เสร็จ ตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เช่น วันมูหะมัดนอร์ มะทา, รังสิมันต์ โรม, นิคม บุญวิเศษ, ชัยธวัช ตุลาธน รวมถึง นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของประธานรัฐสภา เดินทางมารับหนังสือเรียกร้องดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวกำลังพิจารณาเนื้อหาสาระอย่างเข้มข้น ทั้งในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และการปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกันเห็นว่า แม้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบประชาธิปไตยมาแล้วถึง 88 ปี แต่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ และมั่นใจว่าคนรุ่นใหม่พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง เหมือนกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่มีประชาชนแสดงเจตนารมณ์ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิ่งดังกล่าวมาโดยตลอด
บรรยากาศก่อนการเริ่มยื่นหนังสือเรียกร้อง มีประชาชนได้จำลองเหตุการณ์อ่านประกาศคณะราษฎร และมีการร่วมร้องเพลง 24 มิถุนา พร้อมโบกธงและส่งเสียงว่าต้องการรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ประเทศไทยด้วย