อบอุ่น ประทับใจ ลายเส้นสวยงาม น่ารัก เต็มไปด้วยจินตนาการ ให้แรงบันดาลใจ สะท้อนสังคม ลงลึกถึงจิตใจมนุษย์ แฝงปรัชญาและความหมายแห่งชีวิต คือส่วนหนึ่งในคุณสมบัติที่หลายคนนึกถึงขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ เวลาพูดถึงสตูดิโอจิบลิ บริษัทผู้ผลิตแอนิเมชันระดับตำนานจากประเทศญี่ปุ่น มาตลอดระยะเวลา 35 ปี
สตูดิโอจิบลิก่อตั้งขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน 1985 โดยสามหัวหอกสำคัญคือ ฮายาโอะ มิยาซากิ, อิซาโอะ ทาคาฮาตะ และโทชิโอะ ซูซูกิ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์และแอนิเมชันของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุค 60 เป็นการต่อยอดความสำเร็จมาจากแอนิเมชัน Nausicaä of the Valley of the Wind ที่มิยาซากิเป็นคนกำกับในปี 1985
“ผมเชื่อในพลังของเรื่องราว เรื่องราวสามารถจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ฟังได้”
คือประโยคที่มิยาซากิเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ครั้งหนึ่ง เปรียบเสมือนดีเอ็นเอสำคัญที่ทั้งตัวเขาและทีมงานสตูดิโอจิบลิยึดถือมาตลอดผ่านผลงานทั้ง 22 เรื่อง ตลอดระยะเวลา 35 ปี
เช่น My Neighbor Totoro (1988), Kiki’s Delivery Service (1989), Only Yesterday (1991), Pom Poko (1994), My Neighbors the Yamadas (1999), Ponyo on the Cliff by the Sea (2008), Porco Rosso (1992), From Up on Poppy Hill (2011) และ The Wind Rises (2013)
รวมทั้งการผจญภัยเพื่อเติบโต และข้ามผ่านอุปสรรคในโลกแห่งวิญญาณของจิฮิโระ ใน Spirited Away (2001) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้ทั่วโลกได้มากถึง 347 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถไปถึงจุดสูงสุด คว้ารางวัลแอนิเมชันยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์มาครองได้สำเร็จ
นอกจากเรื่องราวประทับใจ จุดแข็งอย่างหนึ่งในหลายๆ ผลงานของสตูดิโอจิบลิ คือการเป็นกระบอกเสียงนำเสนอในประเด็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ,ความโหดร้ายของสงคราม ความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ และความ ‘เจ็บปวด’ ที่มนุษย์ต้องเผชิญได้อย่างทรงพลัง เช่น
Nausicaä of the Valley of the Wind (1984), Castle in the Sky (1986), Grave of the Fireflies (1988), Princess Mononoke (1997) และ Howl’s Moving Castle (2004), Tales from Earthsea (2006) และ The Tale of Princess Kaguya (2013) ฯลฯ
ผลงานหลายเรื่องของสตูดิโอจิบลิประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และรายได้ โดยมีผลงานมากถึง 6 เรื่อง อย่าง Spirited Away, Howl’s Moving Castle, Ponyo, Princess Mononoke, The Secret World of Arrietty และ The Wind Rises ที่ติดอยู่ในลิสต์ 10 อันดับภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดของประเทศญี่ปุ่น จนหลายคนตั้งฉายาให้สตูดิโอจิบลิคือวอลต์ดิสนีย์แห่งญี่ปุ่น
ถึงแม้หลายผลงานจะถูกยกให้เป็นตำนาน แต่สตูดิโอจิบลิก็พยายามเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับโลกสมัยใหม่อยู่เสมอ อย่างเช่น การนำผลงาน 21 เรื่องเข้าสู่แพลตฟอร์มสตีมมิงอย่าง Netflix ให้ทุกคนได้รับชมบรรยากาศแห่งความทรงจำและความสุขกันอีกครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
รวมทั้งผลงานในอนาคต Aya and the Witch ที่จะเป็นแอนิเมชันเรื่องแรกที่สตูดิโอจิบลิจะใช้เทคโนโลยีสามมิติในการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดยาว เพื่อหลอมรวมเทคโนโลยี โลกสมัยใหม่ และ ‘จิตวิญญาณแห่งจิบลิ’ เข้าด้วยกัน
เพื่อส่งมอบความสุข สร้างแรงบันดาลใจ เป็นเครื่องมือทำความเข้าใจชีวิตให้กับทุกคนต่อไป เหมือนเช่นที่เคยเป็นมาตลอดระยะเวลา 35 ปี
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์