บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณเริ่มเข้าซื้อตราหนี้ภาคเอกชนในสหรัฐฯ ผ่านนิติบุคคลที่ชื่อว่า Secondary Market Corporate Credit Facility หรือ SMCCF ซึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษ (เมื่อ 23 มีนาคม) โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะใช้เงินจาก Exchange Stabilization Fund (ESF) เข้าถือหุ้น 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันก็เข้าถือหุ้น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Primary Market Corporate Credit Facility (PMCCF) ซึ่งวงเงินรวม 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนในวงกว้าง และปรับสัดส่วนให้เป็นไปตามดัชนีตราสารหนี้ ซึ่ง Fed จะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนทุกๆ ช่วง 4-5 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนไม่ใช่เรื่องใหม่ ครั้งนี้เป็นการเพิ่มรายละเอียดที่ SMCCF สามารถเข้าลงทุนสินทรัพย์ได้เพิ่มขึ้น โดยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ตราสารหนี้ภาคเอกชน ETFs
ทั้งนี้ มองว่าเป็นมาตรการด้านการเงินที่ออกมาช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจจริง อย่างบริษัทเอกชนลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้และขาดสภาพคล่อง ซึ่งส่งผลให้เกิดโอกาสการปลดพนักงาน
ขณะเดียวกันในฝั่งตลาดการเงิน จะกดดัน Bond Yield ที่ถูกเข้าซื้อให้ต่ำ ทำให้ Credit Spread ระหว่างตราสารหนี้ภาครัฐฯ และเอกชนลดลง อาจก่อให้เกิดภาวะการ แสวงหาผลตอบแทนท่ีสูงขึ้นในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
