เมื่อวานนี้ (4 มิถุนายน) ทางการรัสเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ หลังน้ำมันดีเซลกว่า 20,000 ตันรั่วไหลจากถังเก็บเชื้อเพลิงของโรงงานไฟฟ้าภายใต้การกำกับดูแลของ Norilsk Nickel หนึ่งในผู้ผลิตนิกเกิลและพาลาเดียมรายใหญ่ของโลก โดยน้ำมันได้รั่วไหลสู่แม่น้ำแถบอาร์กติกเซอร์เคิลตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา
เบื้องต้นทางการได้ควบคุมตัว Vyacheslav Starostin ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้า โดยจะยังไม่ตั้งข้อกล่าวหาจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทางการท้องถิ่นได้แจ้งรัฐบาลที่กรุงมอสโกหลังจากเหตุน้ำมันรั่วไหลไปแล้วถึง 2 วัน ส่งผลให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการจัดการปัญหาดังกล่าว โดยทางการท้องถิ่นระบุว่าเบื้องต้นพยายามจะควบคุมสถานการณ์และจำกัดการแผ่ขยายของน้ำมันในแหล่งน้ำให้ได้มากที่สุดก่อน
ด้าน Oleg Mitvol อดีตผู้ช่วยทีมเฝ้าระวังปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของรัสเซียอย่าง Rosprirodnadzor ระบุว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในแถบอาร์กติกมาก่อน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจใช้งบกว่า 1 แสนล้านรูเบิล (ราว 4.5 หมื่นล้านบาท) และใช้เวลานานหลายปีในการทำความสะอาดและทำให้ระบบนิเวศในบริเวณกลับคืนสู่ภาวะปกติ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Norilsk Nickel เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน ปี 2016 ที่ผ่านมาก็เคยทำสารเคมีรั่วไหล ส่งผลให้แม่น้ำแถบอาร์กติกนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงมาแล้ว
ภาพ: Denis Kozhevnikov / TASS via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
