สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM ภายใต้หัวข้อ ‘Rethinking New Normal บทสรุปยุทธศาสตร์ประเทศไทยในโลกหลังโควิด-19’ ซึ่งเป็นเซสชันสุดท้ายของงานว่า ในภาพรวม ทั้งโลกและประเทศไทยเจอวิกฤตครั้งใหญ่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งหนักกว่าวิกฤตทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้กว่า 150 ประเทศทั่วโลกขอกู้เงิน และเตรียมขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF โดยทาง IMF เองก็เตรียมเงินเพื่อช่วยเหลือในวิกฤตนี้กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ภายใต้ New Normal และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องจับตาใน 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
- โลกใหม่ – โลกจะไม่มีผู้นำที่ชัดเจนอีกต่อไป เห็นได้ชัดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ และจีนยังต้องมุ่งเน้นการดูแลประเทศตนเองในช่วงวิกฤต ซึ่งไทยยิ่งต้องอาศัยโอกาสนี้จับมือกับพันธมิตรให้มากขึ้น แต่ต้องเลือกร่วมมือเป็นประเด็นๆ ไป
- โอกาสใหม่ – การใช้เทคโนโลยี (เช่น 5G) ระบบดิจิทัล หรือเทรนด์ Work from Home จะส่งผลต่อเนื่องในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น
- ข้อจำกัดใหม่ – สถานการณ์หนี้ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นทั้งภาครัฐและในระดับประชาชน ทำให้การลงทุนลดลงทั้งรัฐและเอกชน และอาจส่งผลให้ไทยที่ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจมีทีท่าจะฟื้นตัว อาจชะลอออกไปอีก ดังนั้น บทบาทของรัฐจะทวีความสำคัญมากขึ้น
- จินตนาการใหม่ – การทบทวนในระบบใหม่ๆ โดยเฉพาะระบบราชการ ขณะที่ภาคการเมืองต้องอาศัยความเชื่อใจที่มากขึ้น เพื่อสร้างระบบที่จะพัฒนาไทยไปด้วยกัน รัฐต้องสร้างความเชื่อใจให้ได้ เช่น อาจประกาศตัดงบกลาโหมลง เพราะมองว่าไม่ใช่ปัญหาในปัจจุบัน และจะสามารถสร้างไว้ใจให้เกิดขึ้นในไทย
ยุทธศาสตร์สำคัญที่ไทยต้องจับตาในระยะต่อไปคือ เรื่องวัคซีนที่เป็นจุดชี้ขาดว่า เศรษฐกิจใครจะฟื้นตัวและกลับมาได้เร็วที่สุด ดังนั้น สิ่งที่รัฐทำได้ในวันนี้คือ การหาคนที่สามารถสอนเทคโนโลยีทั้งการผลิตวัคซีนและยา ซึ่งยังไม่เห็นการวางแผนของรัฐไปถึงปลายทางนี้
ขณะเดียวกัน ภาครัฐที่ตั้งเป้าหมายจะทำแผนงาน ทำยุทธศาสตร์หลังโควิด อาจต้องคิดให้รอบคอบและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงมากกว่าปัจจุบัน โดยดูรูปแบบของเอกชนที่มักจะวางแผนเป็นหลายสมมติฐาน เพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ เช่น ส่ิงที่กังวลกันทั่วโลกคือ หากมีการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 หรือ 3 จะทำอย่างไร
สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ประกอบการ การมีมุมมองและข้อมูลที่หลากหลาย จะทำให้เห็นความเสี่ยงในหลายมิติ และย่อมจะทำให้การตัดสินใจมีความหลากหลาย เพื่อรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการอาจเป็นการวางแผนในหลายสมมติฐาน และปรับเปลี่ยนแผนเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล