ศึกวิวาทะระหว่างสหรัฐฯ กับจีนปะทุขึ้นอีกระลอก เมื่อสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ FBI ระบุว่า แฮกเกอร์และสายลับที่โยงใยถึงจีนพยายามแฮกงานวิจัยด้านวัคซีน การรักษาและตรวจโรคโควิด-19 ขององค์กรต่างๆ ในสหรัฐฯ ขณะที่การขโมยข้อมูลและโจมตีทางไซเบอร์จากหลายประเทศที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากโรคระบาดเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
วิกฤตโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา 2019 ที่ค้นพบครั้งแรกในจีน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ลุ่มๆ ดอนๆ จากสงครามการค้าอยู่แล้ว เกิดความบาดหมางมากขึ้นไปอีก เนื่องจากต่างฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน ว่าล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โดยในอดีตที่ผ่านมา สหรัฐฯ กล่าวหารัฐบาลจีนด้วยว่า อยู่เบื้องหลังกรณีโจมตีทางไซเบอร์ รวมถึงการจารกรรมข้อมูลลับทางการค้า ซึ่งจีนก็ยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา FBI และสำนักงานความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (Cisa) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ได้ออกแถลงการณ์เตือนร่วมกันในแบบที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักว่า หน่วยงานหรือองค์กรด้านวิจัย เภสัชภัณฑ์และเฮลธ์แคร์ ควรระมัดระวังการตกเป็นเป้าของแฮกเกอร์
แถลงการณ์ระบุว่า อาชญากรไซเบอร์มีความพยายามที่จะค้นหาและล้วงข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาที่มีค่าอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงข้อมูลสาธารณสุขเกี่ยวกับการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
คำเตือนจาก FBI และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ มีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลอิสราเอลกล่าวหาอิหร่านว่าพยายามทำให้ระบบประปาครัวเรือนอิสราเอลใช้การไม่ได้ อย่างไรก็ตามอิสราเอลไม่ได้แสดงหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างดังกล่าว
ขณะที่ The New York Times รายงานอ้างข้อมูลจากบริษัทความมั่นคงเอกชนหลายแห่งว่า มีสิบกว่าประเทศที่ใช้หน่วยข่าวกรองทางทหาร และแฮกเกอร์ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการตอบสนองไวรัสของประเทศอื่นๆ แม้แต่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างเกาหลีใต้ หรือประเทศที่ไม่มีขีดความสามารถโดดเด่นในด้านไซเบอร์อย่างเวียดนาม ก็สั่งให้แฮกเกอร์ของหน่วยงานรัฐค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในช่วงนี้เช่นกัน
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จ้าวลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่าจีนเป็นผู้นำโลกในการรักษาโควิด-19 และวิจัยวัคซีนป้องกันไวรัส พร้อมย้ำว่าการโจมตีจีนด้วยข่าวลือ และการพูดใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐานใดๆ ถือเป็นเรื่องที่ชั่วร้าย
ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ จับตาจีนอย่างใกล้ชิดมาตลอดเกี่ยวกับพฤติกรรมการโจมตีทางไซเบอร์
“มีอะไรใหม่ในจีนหรือ? ผมไม่พอใจจีน จีนควรหยุดยั้งการระบาดตั้งแต่ในประเทศแล้ว ตอนนี้คุณบอกผมว่าพวกเขากำลังแฮกข้อมูล มีอะไรใหม่บ้าง? เรากำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด” ทรัมป์กล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนจารกรรมข้อมูลและขโมยทรัพย์สินทางปัญญา โดยเมื่อปี 2009 สหรัฐฯ อ้างว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับจีนพยายามแทรกซึมเข้าไปในข้อมูลละเอียดอ่อนเกี่ยวกับโครงการเครื่องบินขับไล่แบบ F-35 ของบริษัท Lockheed Martin ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน จีนได้ประกาศต่อสาธารณะว่ากำลังพัฒนาเครื่องบินรบที่มีลักษณะคล้ายกันในชื่อ J-31 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีสเตลธ์ หรือสามารถเลี่ยงการตรวจจับของเรดาร์ได้เหมือนกับ F-35
ขณะที่บิล อีวานินา ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันการข่าวกรองและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เคยระบุว่า มูลค่าที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ อาจมีมากถึง 4 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-52656656
- https://www.wsj.com/articles/chinese-iranian-hacking-may-be-hampering-search-for-coronavirus-vaccine-officials-say-11589362205
- https://www.nytimes.com/2020/05/10/us/politics/coronavirus-china-cyber-hacking.html
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum
