แม้ว่าช่วงนี้หลายๆ มาตรการจะได้รับการผ่อนปรนให้บางกิจการหรือกิจกรรมสามารถกลับมาเปิดได้ตามปกติ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงต้อง Work from Home ต่อไป
THE STANDARD คุยกับ ก้อย-ธิชาวดี มีสมพืช เจ้าหน้าที่ด้าน UX Writer / Digital Copy Writer ของบริษัทสินเชื่อรถยนต์แห่งหนึ่งที่ยังคงติดใจกับการ Work from Home ควบคู่กับการเข้าออฟฟิศบ้างสัปดาห์ละครั้ง
ก้อยเล่าให้เราฟังว่าทำงานที่บ้านมา 2 เดือนกว่าแล้ว หน้าที่ความรับผิดชอบหลักๆ คือการคิดคำสำหรับหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ แล้วก็เขียนคอนเทนต์ลงบล็อกบ้าง บรรยากาศของการทำงานที่บ้านกับการทำงานออฟฟิศค่อนข้างแตกต่างพอสมควร เนื่องจากงานของก้อยจำเป็นต้องทำงานควบคู่กับอีกฝ่าย ดังนั้นจึงต้องติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา จากเดิมที่นั่งคุยกันแบบต่อหน้าก็ต้องมาคุยผ่านแอปพลิเคชัน Zoom แล้วแชร์หน้าจอกัน ก้อยบอกว่าการสื่อสารมันก็ยากขึ้น ต้องใช้พลังมากขึ้น ต้องอธิบายละเอียดมากขึ้น บางครั้งก็อาจกินเวลาที่ใช้ทำงานมากขึ้น
ก้อยบอกว่าโดยธรรมชาติของงานที่รับผิดชอบต้องใช้สมาธิเยอะมาก การได้มาทำงานที่บ้านก็ทำให้สามารถจดจ่อกับงานได้นานยิ่งขึ้น ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าเป็นไปได้ ก้อยยืนยันว่าการไปทำงานที่ออฟฟิศยังคงจำเป็นอยู่ เพราะว่าในบางการประชุม การคุยกันต่อหน้าสามารถสื่อสารกับคนในทีมได้ดีกว่า และยังคงต้องมีความสัมพันธ์กับสังคมรอบข้างอยู่
สิ่งหนึ่งที่ก้อยบอกว่าอยากทำมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้มีโอกาส คือการนอนตื่นสายขึ้น 1-2 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้ได้ทำอย่างนั้นแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก้อยบอกว่าเธอต้องใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงไปทำงาน และอีก 2 ชั่วโมงในการเดินทางกลับ เพราะบ้านอยู่ย่านรามอินทรา แต่ทำงานที่เพลินจิต นอกจากนี้การ Work from Home ยังทำให้ได้ทำกับข้าวบ้าง และได้มีโอกาสวิ่งบ่อยขึ้น รู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น อีกทั้งยังไม่ต้องพึ่งพากาแฟ รู้สึกเหมือนชีวิตได้ปลดแอก
