กองทัพนำโดยสหรัฐอเมริกาเพื่อปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ISIS) ประกาศว่า ยึดคืนรอกเกาะห์ได้แล้ว หลังเมืองในซีเรียแห่งนี้ถูกใช้เป็น ‘เมืองหลวง’ ของกองกำลังก่อการร้ายดังกล่าว
สถานการณ์ภายในเมืองเต็มไปด้วยการตะโกนและยิงปืนเฉลิมฉลองของนักรบกองกำลังประชาธิปไตยชาวซีเรีย (SDF) โดยผู้บังคับบัญชากองกำลังให้สัมภาษณ์ว่า “ปฏิบัติการทางทหารสิ้นสุดลงแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ศูนย์บัญชาการสหรัฐอเมริกาได้ออกมากล่าวว่า พื้นที่มากกว่า 90% ของเมืองอยู่ภายใต้การควบคุมของ SDF อันเป็นกองกำลังชาวเคิร์ดและชาวอาหรับที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
พันเอก ไรอัน ดิลลัน (Ryan Dillon) โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ออกมากล่าวในทิศทางเดียวกัน โดยย้ำว่า ISIS ยังยึดครองบางส่วนไว้อยู่
ขณะเดียวกัน มุสตาฟา บาลี (Mustapha Bali) โฆษก SDF ชี้ว่า อาจมีมือระเบิดฆ่าตัวตายแฝงตัวอยู่ตามเมือง ซึ่งฝ่ายโฆษกกองทัพสหรัฐฯ มองว่า นักรบ ISIS วางกับระเบิดไว้จำนวนมาก และอาจใช้เวลานานหลายปีในการรื้อถอนออกหมด
เตรียมเข้าเฟสใหม่
ISIS ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในเชิงสัญลักษณ์จากการสูญเสีย ‘เมืองหลวงของรัฐอิสลาม’ ไป โดยเฉพาะเพียงช่วงเวลา 3 เดือน ที่ต้องถอยร่นออกจากโมซุล ฐานที่มั่นที่ถือเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิรัก หลังกลุ่มกองกำลังนี้สามารถยึดเมือง 2 แห่งนี้ได้มาตั้งแต่ปี 2014 จนสามารถแผ่อาณาเขตได้กว้างขวาง
นักวิเคราะห์มองว่า ISIS เตรียมผันตัวไปสู่การต่อสู้รูปแบบใหม่ โดยการแฝงตัวในลักษณะกลุ่มก่อการร้ายใต้ดินอย่างที่เคยเป็น นอกจากนี้ ข้อกังวลใหญ่อีกอย่างคือ ด้วยอาณาเขตที่ลดลงทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งจำเป็นต้องรับมือชาวต่างชาติที่เข้าร่วมกองกำลังซึ่งอาจเตรียมเดินทางกลับบ้านเกิดและออกก่อเหตุ
ราคาที่ต้องจ่าย
กระบวนการยึดรอกเกาะห์คืนดำเนินภายใต้ปฏิบัติการทางทหารที่มีมาตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึงการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินสหรัฐฯ นับรวมกว่า 3,829 ครั้ง ส่งผลให้พื้นที่ขนาดใหญ่เหลือเพียงเศษซาก ทำให้ประชาชนนับ 450,000 คนต้องพลัดถิ่น พร้อมด้วยผลจากปฏิบัติการของฝ่ายต่อต้านและการก่อการร้ายด้วยระเบิดฆ่าตัวตายนับ 90 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,873 ราย
กลุ่มนักข่าว Raqqa is Being Slaughtered Silently (RBSS) หรือ รอกเกาะห์กำลังเข่นฆ่าอย่างเงียบๆ เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) มีรถบัส 30 คัน และรถบรรทุกอีก 10 คัน ถูกใช้ในการขนส่งนักรบ ISIS ออกจากเมือง
อับดาลาซิซ อาลัมซา (Abdalaziz Alhamza) ผู้ร่วมก่อตั้ง RBSS มองว่า การที่ SDF เข้ามาไม่ใช่การปลดแอก เนื่องจากกองกำลังนี้ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพลเรือนหลายครั้ง
“คนส่วนใหญ่ในรอกเกาะห์รวมถึงพวกเรา ต่างรอคอยวันที่ ISIS จะถูกโค่น แต่ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบที่มีผู้นำใหม่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน”
พร้อมกันนี้เขายังเตือนว่า อุดมการณ์ของ ISIS ยังคงได้รับการเผยแพร่ต่อไป และกองกำลังนี้จะปรากฏในที่อื่นแม้จะหายไปจากซีเรียและอิรักก็ตาม
นอกจากนี้ องค์กร Save the Children เปิดเผยความกังวลว่า วิกฤตมนุษยธรรมในพื้นที่ยังคงสูงอยู่ แม้ ISIS จะค่อยๆ หายไปจากภูมิภาค
Photo: AFP
อ้างอิง: