Hermès ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขของผลประกอบการในไตรมาสแรกประจำปี 2020 อย่างเป็นทางการ โดยตัวเลขรายได้โดยรวมของแบรนด์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ลดลง 7.7% ตามอัตราการแลกเปลี่ยนคงที่ และลดลง 6.5% ตามอัตราการแลกเปลี่ยนปัจจุบัน รวมเป็นมูลค่า 1,505.5 ล้านยูโร ลดลงจากไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ทำไปได้ 1,609.7 ล้านยูโร
อย่างที่ทราบกันดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มต้นขึ้นในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ทำให้ในครึ่งแรกของไตรมาส ทางแบรนด์ต้องทยอยปิดร้านในจีนแผ่นดินใหญ่ไปถึง 11 สาขาในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เรื่อยมาจนถึงหลายประเทศในเอเชีย ที่เป็นแหล่งทำเงินของแบรนด์ ทั้งฮ่องกงและเกาะมาเก๊า โดยหากแบ่งตามภูมิภาค ตัวเลขรายได้ลดลงถึง 9% ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ที่มีฐานลูกค้าที่เหนี่ยวแน่น จึงทำให้ยังมีรายได้เพิ่มขึ้น 1%
ส่วนในครึ่งหลังของไตรมาส สถานการณ์ความรุนแรงเริ่มย้ายฝั่งมาที่ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ อันเป็นแหล่งผลิตและร้านแฟลกชิปมากมายของแบรนด์ โดยเฉพาะในอเมริกาลดลงไป 6% ผลมาจากการปิดหน้าร้านและอีคอมเมิร์ซ ส่วนในทวีปยุโรปโดยรวมตัวเลขลดลงที่ 11% โดยตัดประเทศฝั่งเศสออก ซึ่งหากจะคิดรายได้ในประเทศต้นกำเนิดที่ต้องปิดทั้งหน้าร้านและโรงงานผลิต เพื่อรักษาชีวิตพนักงาน จึงทำให้ตัวเลขลดลงไปถึง 9% รวมมูลค่าความเสียหายที่เฉพาะในประเทศอยู่ที่เกือบ 16 ล้านยูโร หรือราวๆ 560 ล้านบาท
และถ้าหากจำแนกเป็นประเภทสินค้า ซึ่งผลก็ออกมาว่า อยู่ในแดนลบเกือบทั้งสิน ไล่มาตั้งแต่สินค้าหลักอย่างเครื่องหนังที่ลดลงไป 6% เสื้อผ้าและเครื่องประดับลดลง 11% ผ้าไหมและสิ่งทอลดลง 20% น้ำหอมลดลง 3% นาฬิกาลดลง 7% ยกเว้นเครื่องประดับและของแต่งบ้านที่เพิ่มขึ้น 4% และถึงแม้ว่าทางแบรนด์เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็ยังไม่สามารถทำให้ยอดขายโดยรวมกลับมาอยู่ในแดนบวก
ความสามารถในการแข่งขันของ Hermès ยังนับว่าอยู่ในระดับที่มั่นคง โดยทางแบรนด์ได้รายงานว่า มีเงินสดสำรองเพียงพอ โดยที่ยังสามารถรักษาสภาพคล่องในการจ่ายเงินเดือนหนักงานกว่า 15,000 คนทั่วโลก ได้ตามปกติโดยไม่ต้องพึ่งเงินอุดหนุนจากรัฐบาล บวกกับรายได้ที่ดีดตัวขึ้นหลังจากการเปิดร้านที่เมืองกวางโจ จนทำรายได้ถึง 88 ล้านบ้านทันทีที่เปิดร้าน และตัวเลขนี้จะนำไปรวมในผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ต่อไป
นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีกำลังช่วยเหลือสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินจำนวน 20 ล้านยูโร ให้กับหน่วยงานทางการแพทย์ในเมืองปารีสที่ชื่อว่า Assistance Publique – Hôpitaux de Paris (AP-HP) รวมไปถึงการผลิตเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อจำนวนถึง 30 ตัน โดยใช้โรงงานผลิตน้ำหอมเป็นฐานการผลิต
ภาพ: Shutterstock / Bright097
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: