สถานการณ์โควิด-19 ในไทยยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ แต่อาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะล่าสุดทางธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยยอดผู้ขอสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่รัฐบาลออกมาตรการมาช่วยเหลือ
ขณะนี้มีผู้ขอสินเชื่อรวม 2.77 ล้านราย หรือคิดเป็นวงเงิน 4.7 หมื่นล้านบาทท โดยแบ่งเป็น
– ธนาคารออมสิน (20 เมษายน) มีผู้ลงทะเบียนเงินกู้ฉุกเฉินรวม 1.36 ล้านราย (คิดเป็นมูลค่า 33,048 ล้านบาท) ได้แก่
– วงเงิน 10,000 บาท มี 8.7 แสนราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 8.7 พันล้านบาท
– วงเงิน 50,000 บาท มี 4.9 แสนราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 2.4 หมื่นล้านบาท
– ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีผู้ลงทะเบียนเงินกู้ฉุกเฉินผ่านระบบ LINE Official BAAC Family (ยอดสะสมจากวันที่ 15- 20 เมษายน) จำนวนรวม 1.4 ล้านราย รวมเป็นวงเงินกู้ 1.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ สินเชื่อเงินฉุกเฉินดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการของภาครัฐเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้กลุ่มได้รับผลกระทบสามารถขอสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย โดยจะให้กู้ผ่านธนาคารรัฐ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แก่
สินเชื่อให้กลุ่มผู้มีอาชีพอิสระ วงเงินกู้สูงสุด 10,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 0.1% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุด 2 ปี (ไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก) ไม่ต้องใช้หลักประกัน
เงื่อนไข: ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท และอายุ 20 ปีขึ้นไป
สินเชื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้ประจำ วงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี ต้องมีสินทรัพย์หรือคนค้ำประกัน มีรายได้ประจำ และได้รับผลกระทบจากโควิด-19
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล