×

อากงใต้ร่มฉัตร รัชกาลที่ 9

16.10.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • อากงของฉันสอนให้จงรักภักดีต่อในหลวง ราชวงศ์ สอนให้รักแผ่นดินไทย เพราะที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ เพราะอากงหนีมาอาศัยร่มพระบารมีอยู่ที่นี่ พระองค์ไม่เคยแม้แต่สักนิดที่จะรังเกียจคนแปลกหน้าที่อพยพมาสู่ประเทศของพระองค์ ไม่เคยสักนิดที่จะขุ่นข้องหมองใจกับการที่มีพวกหนีภัยมา แต่กลับกัน พระองค์กลับให้ความสำคัญกับคนจีนเป็นอย่างดี จากที่เคยเห็นพระองค์เคยเสด็จฯ สำเพ็ง
  • ในห้องนอนของอากงในทุกช่วงชีวิต นอกจากรูปของ ดร. ซุนยัดเซ็น แล้ว ก็คงมีแต่รูปของรัชกาลที่ 9 …ที่ติดไว้ในห้องชั่วชีวิตของอากง

 

แผ่นดินนี้คือทุกอย่างที่ให้ชีวิตกับพวกเขา แผ่นดินไทยนี้คืออนาคตที่อากงจะฝากชีวิตไว้ แผ่นดินนี้คือบุญคุณที่ไม่มีวันจะทดแทนได้หมด

     สุดสายตาผ่านน้ำทะเลระยิบระยับที่สู้อดทนเบียดเสียดกันอยู่ในเรืออพยพ ทุกคนเบียดเสียดกันขึ้นเรือลำนี้เพื่อหนีภัยยากจน ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อไปหาอนาคตยังแผ่นดินใหม่ ในที่สุด อากงก็ได้เห็นร่องรอยของแผ่นดินไกลสุดสายตา เสียงโหวกเหวกโวยวายของเหล่าผู้คนเชื้อสายจีนที่ร่วมเดินทางผจญภัยมาด้วยกันในเรือที่คับแคบแสนอัตคัดนั้นเป็นเสียงแห่งความดีใจที่จะได้อยู่รอดปลอดภัยตลอดเส้นทาง และมองเห็นอนาคตที่จะสดใสในวันหน้า หลังจากที่ต้องหลบลี้หนีภัยแห่งความอดอยากจากดินแดนแผ่นดินใหญ่มาอย่างยาวนาน

     พวกเขากำลังก้าวเข้าสู่แผ่นดินทอง …สุวรรณภูมิ… ประเทศไทย

     สามพี่น้องพื้นฐานชีวิตชาวนาคนจีนที่มีความชำนาญด้านการทอผ้าไหม จับมือกันร่วมเป็นร่วมตายเดินทางมายังประเทศไทย ปลายทางที่ค่าโดยสารเรือไม่แพงเกินไป ได้เข้ามาจอดยังคลองเตย แล้วก็เริ่มงานจับกังง่ายๆ ใช้แรงงานเพื่อให้ได้มีข้าวสารกรอกหม้อไปวันๆ ก่อนเก็บหอมรอมริบจนในที่สุดก็เริ่มหากิจการส่วนตัวได้บ้าง คือการหาเครื่องทอผ้าไหมไม่กี่เครื่องมาทอกระตุกกันไป

     พี่ชายของอากงเป็นเถ้าแก่ น้องชายอีกสองคนคอยช่วยเหลือเก็บเงินเก็บทอง

     จากคำบอกเล่าของอากงที่เคยบอกเล่าให้ลูกหลานรับรู้เสมอมา แผ่นดินนี้คือทุกอย่างที่ให้ชีวิตกับพวกเขา แผ่นดินไทยนี้คืออนาคตที่อากงจะฝากชีวิตไว้ แผ่นดินนี้คือบุญคุณที่ไม่มีวันจะทดแทนได้หมด เพราะไม่เพียงพวกเขาสามคนจะได้เริ่มต้นใหม่ พวกเขายังร่วมกันส่งเงินทองกลับไปให้พ่อแม่และน้องสาวอีกหลายคนที่ยังลำบากรออยู่ที่โน่น พี่น้องสามคนไม่เคยใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อสุขสบาย เพราะจำติดตาได้เสมอว่า พ่อแม่และน้องสาวลำบากแค่ไหน แล้วยังลำบากอย่างไร หลังจากที่เจียดเครื่องประดับทุกอย่างเพื่อแปลงเป็นค่าโดยสารเดินเรือเสียจนหมดสิ้นให้พวกเขาทั้งสามคน

     หลังจากนั้นไม่นาน ​เหล่าแปะ (พี่ชายของอากง) ก็เริ่มมีชีวิตครอบครัวของตัวเอง มีเมียมีลูก ในขณะเดียวกันอากงของฉันก็เริ่มต้นชีวิตเช่นกัน

     อากงพบกับอาม่าที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี แม่ค้าวัยสาวที่ขายของอยู่ในตลาดก็ตัดสินใจแต่งงานตามอากงมาอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วเริ่มต้นชีวิตครอบครัวตรงสลัมสามย่าน (ที่ทุกวันนี้คือ จามจุรีสแควร์) ครอบครัวอากงเป็นครอบครัวที่เคยได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีในสมัยแผ่นดินใหญ่ การอ่านออกเขียนได้เป็นเรื่องปกติของอากง ลูกที่เกิดมาในครอบครัวที่อากงได้เริ่มเป็นเถ้าแก่โรงงานทอผ้าไหมเล็กๆ ที่มีเครื่องกี่กระตุก 6 เครื่องในสลัมสามย่าน ทำให้ถือว่าเป็นคนมีหน้ามีตาในสลัมแถบนั้นเป็นอย่างดี

     ลูกทุกคนได้เรียนหนังสือ พ่อของฉันได้เรียนโรงเรียนสอนภาษาจีน ไทย และอังกฤษ …มีหน้ามีตา

     สลัมสามย่านเป็นย่านชื่อดังที่ถือว่าเป็นแหล่งรวมคนจีนอพยพหลากหลายครอบครัว ความยาวของชุมชนนั้นคือแนวยาวตลอดแนวถนนพระรามสี่ ระหว่างนั้นก็มีเสียงกระพือลือเล่าดังมาว่า ที่ดินแถบนี้ได้เป็นของมหาวิทยาลัยแล้ว ที่ติดๆ กันนี่แหละ ซึ่งคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเขาต้องการที่ดินคืนเพื่อนำไปสร้างตึกเรียนเพิ่มเติม

     หลังจากนั้นไม่นานก็มีไฟไหม้ใหญ่ ชุมชนกึ่งหนึ่งหายสาบสูญไป และตึกเรียนก็เข้ามาแทนที่…

     เสียงเล่าลือยังคงดังในยามดึกสงัดบอกว่าไฟจะไหม้อีก จะไปไหนก็รีบไป ไฟจะไหม้อีก จะไปไหนก็รีบไป…

     อากง หัวหน้าครอบครัวที่มีลูกรวมกันแล้ว 7 คน เป็นชาย 5 หญิง 2 ณ​ ตอนนั้นได้ทำการนัดแนะแล้วว่า ถ้าเมื่อไรที่ไฟไหม้ขึ้นมาจริงๆ ให้ไปรวมตัวกันที่หน้าสวนลุมพินี จะได้ไม่แตกแยกหายไปไหนกัน

     คืนวันหนึ่ง… ไฟก็ไหม้ขึ้นมาจริงๆ

     ทุกอย่างจบสิ้น ความเป็นเถ้าแก่โรงงานทอผ้า สินค้า บ้านช่อง ลูกน้อง ยังโชคดีบ้างว่า สิ่งที่เหลืออยู่คือครอบครัว ทุกคนปลอดภัย

     อากงต้องบากหน้ากลับไปหาพี่ชายเพื่อไปทำงานโรงงาน ในขณะที่อาม่าต้องไปขายน้ำเต้าหู้ พ่อฉันตัดสินใจเผาหนังสือเรียนลงในกองไฟนั้นยามที่ไฟไหม้ด้วยความเจ็บแค้น แล้วหันหลังให้โรงเรียน เข้าไปเป็นคนงานในโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งเพื่อฝึกฝนการเป็นช่างเครื่อง และเพื่อให้น้องๆ ที่เหลือคนอื่นๆ ได้เรียนหนังสือต่อ แต่ทุกคนก็ทำงานช่วยพ่อและแม่หาเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นข้าวสารกรอกหม้อเลี้ยง 9 ชีวิตด้วยกันเอง

     กัดก้อนเกลือ ลำบากกันอีกครั้ง…​

อากงฉันเป็นคนพูดไทยเก่งมาก อาจจะไม่ชัด แต่อาม่านี่ชัดแจ๋ว และรักในหลวงมาก ทั้งสองคนบอกเสมอว่า ประเทศไทยไม่มีเรื่องวุ่นวายเหมือนเมืองจีน ก็เพราะมีในหลวง

     ตอนที่ฉันเกิดมา ครอบครัวยังอยู่ในสภาพต้องหาเช้ากินค่ำอยู่ เรามีบ้านอยู่ที่สลัมสวนพลู หลังตลาดสวนพลู ฉันยังต้องตามอาม่าไปขายน้ำเต้าหู้ในตอนเช้า หลังจากที่เห็นพวกอาๆ ตื่นตั้งแต่ตี 3 มาช่วยอาม่าโม่ถั่วเหลืองทำน้ำเต้าหู้ ส่วนอากงก็ยังไปทำงานที่โรงงานของพี่ชาย ส่วนน้องชายของอากงตัดสินใจกลับเมืองจีนไปเนื่องจากอาการป่วย และเสียชีวิตลง

     ณ ตอนที่ฉันเกิดมา… พ่อของฉันเริ่มต้นโรงงานทอผ้าแล้ว โดยมีแม่ของฉันทอผ้าอยู่ในโรงงาน แล้วไกวเปลให้ฉันหลับอยู่ข้างๆ เครื่องทอผ้า ไม่ได้เลวร้ายอะไรถ้าเด็กอายุไม่กี่เดือนจะหูฝ้าฟางหน่อยๆ เพราะโดนเสียงเครื่องจักรกระแทกหูมาแต่เด็กๆ แต่เรารวยขึ้น… ก่อนที่พ่อแม่จะส่งเสียฉันเรียน เขาก็ส่งเสียอาทุกคนให้ได้เรียนหนังสือ ทั้งพ่อและแม่ของฉันช่วยอากงอาม่าจ่ายค่าใช้จ่ายของอาทุกคนเพื่อให้ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยกันเป็นหลัก

     ความเป็นหลานคนโต ทำให้ได้คุยกับอากงเยอะ สิ่งหนึ่งที่ฉันมักถามอากงว่า ทำไมฉันถึงไม่ได้เรียนในโรงเรียนจีน คำตอบมักจะเป็นเพราะว่า เราจะไม่กลับไปเมืองจีนอีก และเราจะไม่มีอนาคตกับที่นั่นอีก ประเทศไทยคือบ้านของอากง อากงอยู่ใต้ร่มเงาพระบารมีของรัชกาลที่ 9 อย่างมีความสุข และทุกคนในครอบครัวก็ได้พึ่งพิงอิงแอบร่มฉัตรนี้อาศัยอยู่ อากงฉันเป็นคนพูดไทยเก่งมาก อาจจะไม่ชัด แต่อาม่านี่ชัดแจ๋ว และรักในหลวงมาก ทั้งสองคนบอกเสมอว่า ประเทศไทยไม่มีเรื่องวุ่นวายเหมือนเมืองจีน ก็เพราะมีในหลวง

อากงของฉันสอนให้จงรักภักดีต่อในหลวง ราชวงศ์ สอนให้รักแผ่นดินไทย เพราะที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ เพราะอากงหนีมาอาศัยร่มพระบารมีอยู่ที่นี่ พระองค์ไม่เคยแม้แต่สักนิดที่จะรังเกียจคนแปลกหน้าที่อพยพมาสู่ประเทศของพระองค์ ไม่เคยสักนิดที่จะขุ่นข้องหมองใจกับการที่มีพวกหนีภัยมา แต่กลับกัน พระองค์กลับให้ความสำคัญกับคนจีนเป็นอย่างดี จากที่เคยเห็นพระองค์เคยเสด็จฯ สำเพ็ง

     โอกาสในประเทศใหม่สร้างหลากหลายฐานะให้ครอบครัวที่หนีแผ่นดินร้อนมา ร่มฉัตรของรัชกาลที่ 9 มอบโอกาสในการดำรงชีวิต อาชีพ อนาคต และให้พวกเขาได้ย้อนกลับไปช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาที่ยังตกระกำลำบากอยู่ที่ประเทศผู้ให้กำเนิด ไม่เคยได้ยินจากปากอากงสักคำว่าจะกลับไปอยู่อีก ถึงแม้ประเทศจีนจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว ใครๆ ก็บอกว่า ฉันสนิทกับอากง ทำไมไม่ได้ภาษาจีนมาเลย ฉันบอกเสมอว่า อากงอยากพูดไทยได้เก่งๆ อากงไม่เคยพูดจีนกับลูกหลาน แต่จะพูดภาษาไทยตลอด เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้น ไปๆ มาๆ หลานไม่ได้ภาษาจีนสักคน

     อากงของฉันสอนให้จงรักภักดีต่อในหลวง ราชวงศ์ สอนให้รักแผ่นดินไทย เพราะที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ เพราะอากงหนีมาอาศัยร่มพระบารมีอยู่ที่นี่ พระองค์ไม่เคยแม้แต่สักนิดที่จะรังเกียจคนแปลกหน้าที่อพยพมาสู่ประเทศของพระองค์ ไม่เคยสักนิดที่จะขุ่นข้องหมองใจกับการที่มีพวกหนีภัยมา แต่กลับกัน พระองค์กลับให้ความสำคัญกับคนจีนเป็นอย่างดี จากที่เคยเห็นพระองค์เคยเสด็จฯ สำเพ็ง

     60 กว่าปีที่อากงได้ใช้ชีวิตใหม่อยู่ที่นี่ ท้ายสุดก็ฝังร่างตัวเองและอาม่าอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ไม่มีวันไหนเลยที่อากงจะเสียใจ มีแต่ความรักให้กับประเทศไทย และความจงรักภักดีต่อพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้ให้เขาสร้างครอบครัวในแผ่นดินของพระองค์ ความคิดเช่นนี้ส่งต่อมาให้ลูกๆ ทุกคน พ่อของฉันเคยบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พระองค์คือทุกอย่าง ไม่ว่าจะอย่างไรความกตัญญูต่อพระองค์คือสิ่งสูงสุดที่ทุกคนต้องยึดถือ

     ในห้องนอนของอากงในทุกช่วงชีวิต นอกจากรูปของ ดร. ซุนยัดเซ็นแล้ว ก็คงมีแต่รูปของรัชกาลที่ 9 …ที่ติดไว้ในห้องชั่วชีวิตของอากง

 

*หมายเหตุ: ภาพประกอบบทความมาจากเว็บไซต์ www.siammanussati.com ในบทความชื่อ ชมภาพประวัติศาสตร์ “ร.8และร.9” เสด็จเยือนสำเพ็ง เชื่อมสองดวงใจไทย-จีนให้เป็นหนึ่ง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X