เมื่อทราบข่าวเรื่อง ทอม เบรดี ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ จะไม่ขออยู่กับนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์อีกต่อไป เสียงเพลงในวัยเด็กของ สุรพล สมบัติเจริญ ก็ดังขึ้นมาในหัวทันที
“สิบหกปี แห่งความหลัง ทั้งรักทั้งชังทั้งหวานและขมขื่น สิบหกปีเหมือนสิบหกวัน รักเอ๋ยช่างสั้นไม่ยั่งยืน มีหวานมีชื่นมีขื่นมีขม”
สำหรับเบรดีกับองค์กรเพเทรียตส์ และแฟนๆ ของทีมแล้ว ผมว่า 20 ปีแห่งความหลังของพวกเขาน่าจะมีแต่ความรักที่อาจไร้ความชัง และมาขมขื่นเอาตอนท้ายๆ
ทีมเพเทรียตส์ในรอยจำของผม คือทีมที่มีโลโก้ (เก่า) น่าสนใจรูปทหารจรดตัว ส่วนผลงานบนสนามแข่งก็บ้านๆ แม้จะเคยชิงซูเปอร์โบวล์มาก่อนหน้าสองครั้งก็ตาม
หนแรกปี 1986 พวกเขาขี่ดวงเข้าไปซูเปอร์โบวล์โดยมี สตีฟ โกรแกรน เป็นควอเตอร์แบ็ก ปรากฏว่าโดนเกมป้องกันสุดเกรียงไกรของ ชิคาโก แบร์ส ไล่ยำ 46-10 ถือเป็นหนึ่งในซูเปอร์โบวล์ขาดลอยสุด
หนต่อมาปี 1997 พวกเขามีสุดยอดควอเตอร์แบ็กอย่าง ดรูว์ เบลดโซ ซึ่งเข้าไปเสีย 4 อินเทอร์เซปต์ ระหว่างเกมพ่ายกรีน เบย์ แพคเกอร์ส 21-35
จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์เพเทรียตส์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2001 พวกเขาลงปะทะกับคู่แค้นร่วมกลุ่ม AFC ตะวันออกอย่าง นิวยอร์ก เจ็ตส์
เบลดโซ ยังลงเป็นตัวจริง และในควอเตอร์ที่ 4 นั้นเอง เขากลับโดน โม ลูวิส กองกลาง คู่แข่ง พุ่งชนอย่างแรงจนปอดฉีก และเลือดออกภายใน แม้จะพยายามกัดฟันสู้ต่อก็แข่งต่ออีกเพียงซีรีส์เดียว
ทุกคนคงทราบประวัติเบรดีกันเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้จะโดดเด่นกับมหาวิทยาลัยมิชิแกน แต่ถูกเลือกเข้ามาแบบที่ไร้คนสนใจ อันดับ 199 ปี 2000
เขาลงแทนเบลดโซเพื่อปิดเกม ขว้างเข้าเป้า 5 จาก 10 หนระยะเพียง 46 หลา เพเทรียตส์พ่ายนิวยอร์กฯ 3-10 คะแนน สถิติหล่นไป 0-2
อาการของเบลดโซตอนนั้นไม่ตายก็ถือว่าบุญนักหนาแล้ว ทำให้โค้ชบิล เบลิชิก ต้องส่งเบรดีเป็นตัวจริงต่อ ซึ่งในเกมแรกเรตติ้งของเขายังธรรมดา 79.6 แต่กลับช่วยทีมไล่ต้อนอินเดียนาโพลิส โคลท์ส 44-13
คิดดูว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นนานแค่ไหน เพราะหลายคนคงแทบลืมไปแล้ว โคลท์สเคยอยู่กลุ่ม AFC ตะวันออกร่วมกับเพเทรียตส์มาก่อน
เกมวันนั้นควอเตอร์แบ็กโคลท์สก็คือ เพย์ตัน แมนนิง ซึ่งอยู่ในลีกซีซันที่ 4 แล้ว ภายหลังทั้งสองคนคือยอดควอเตอร์แบ็กแห่งยุคต้องสู้กันรวม 17 ครั้ง เบรดีชนะไป 11 ครั้งด้วยกัน
น่าเสียดาย ถ้าโคลท์สไม่ถูกย้ายออกจากดิวิชัน ทั้งสองคนคงได้ปะทะกันยิ่งกว่านี้
ความทรงจำที่ชัดเจนของผมกับเบรดี ก็เกิดขึ้นระหว่างซีซันแจ้งเกิดของเขานั่นแหละ ช่วยเข็นเพเทรียตส์เข้ารอบด้วยสถิติ ชนะ 11 เกม แพ้ 5 เกม เป็นแชมป์กลุ่มซะด้วย
เกมแรกเพลย์ออฟ, เบรดีปะทะโอ๊คแลนด์ เรดเดอร์ส ทีมเป็นรองสิบแต้มในควอเตอร์สุดท้าย
เบรดีปาเข้าเป้าติดกัน 9 หน 61 หลา และวิ่งเข้าเอนด์โซน 6 หลา ช่วยเพเทรียตส์ ตีตื้นเหลือ 10-13 คะแนน และพวกเขายังได้กลับมาครองบอลอีกครั้งรุกข้ามครึ่งสนามถึงเส้น 42 หลา เหลือเวลา 1.50 นาที ก็เกิดเพลย์ระดับตำนานเล่าขานท่ามกลางความแค้นใจจากฝั่งเรดเดอร์สมาจนปัจจุบัน
เบรดีเงื้อแขนทำท่าจะปา แล้วโดน ชาร์ลส์ วูดสัน อดีตเพื่อนร่วมทีมที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน โผล่เข้ามาทุบลูกหลุดท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ และหิมะตกอย่างหนัก
เกร็ก เบียเคิร์ต กองกลางเรดเดอร์ส คือคนที่เข้าตะปบลูกดังกล่าวเอาไว้ เรดเดอร์ส เตรียมชิงแชมป์สาย AFC สองปีซ้อนภายใต้โค้ชจอน กรูเดน รอพบผู้ชนะระหว่าง บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ซึ่งจะแข่งวันรุ่งขึ้น
เมื่อปี 1999 ลีกเพิ่งออกกฎใหม่ ซึ่งภายหลังเป็นที่เรียกกันว่า ‘ทัก รูล’ อธิบายเอาไว้ว่า ถ้าผู้เล่นเกมบุกทำท่าลักษณะเงื้อจะส่งแขนไปข้างหน้า ต่อให้บอลหลุดออกมาขณะวกแขนเข้าใส่ลำตัวก็ถือว่าเป็นการขว้างอินคอมพลีต
กรรมการ วอลต์ โคลแมน เข้าไปดูภาพช้าแล้วกลับออกมาบอกว่า นั่นคือการขว้างอินคอมพลีตให้บอลกับเพเทรียตส์ครองต่อ
สิบปีให้หลัง โคลแมนนั่งให้สัมภาษณ์ถึงเพลย์ดังกล่าว เขาไม่เห็นเบรดีทำบอลหลุดออกมา แต่กรรมการ NFL ถูกเทรนมาแล้วกับสถานการณ์แบบนั้น คือให้ตัดสินเป็น ฟัมเบิล เพราะจะดูภาพช้าได้ แต่ถ้าตัดสินเป็นอินคอมพลีตพาสส์ จะไม่สามารถ
พอเขาเข้าไปดูรีเพลย์เท่านั้น โคลแมนบอกว่าตัดสินเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายเลย
เบรดีลงมาปาเข้ามือเดวิด แพทเทน อีก 13 หลา ตั้งระยะให้อดัม ไวนาเทียรี ลงเตะระยะ 45 หลาท่ามกลางหิมะ เป็นหนึ่งในลูกยากที่สุดในประวัติศาสตร์ลีก ก่อนจบเกม 27 วินาที ซึ่งก็ไม่พลาด ตีเสมอสำเร็จ
เมื่อถึงช่วงต่อเวลา เพเทรียตส์ชนะเสี่ยงเหรียญ เบรดีนำทัพบุก 15 เพลย์ 61 หลา แบบที่เขาปาเข้าเป้าทั้ง 8 ลูก ตั้งให้ไวนาเทียรีกลายเป็นฮีโร่ ลงมาเผด็จศึกระยะ 23 หลา เชือดเรดเดอร์ส 16-13
เพเทรียตส์หลุดเข้าไปสยบพิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส 24-17 ในเกมชิงแชมป์สาย AFC ต่อด้วยพลิกล็อกมโหฬารน็อก เซนต์หลุยส์ แรมส์ 20-17 ในซูเปอร์โบวล์ ครั้ง 36
เกมดังกล่าว เบรดีสร้างไดร์ฟ 53 หลา ก่อนไวนาเทียรีจะลงมาหวดตัดสินเกม เป็นจุดเริ่มความยิ่งใหญ่อย่างหาใครเสมอเหมือน โดยเฉพาะกับกีฬาของฝั่งอเมริกัน ซึ่งมีเพดานค่าจ้างเป็นตัวควบคุมไม่ให้ทีมใดทีมหนึ่งได้เปรียบจนเกินไป
สองปีให้หลัง เพเทรียตส์กลับเข้าชิงซูเปอร์โบวล์อีกรอบ ปะทะแคโรไลนา แพนเธอร์ส เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2004 เขาขว้าง 3 ทัชดาวน์ และสร้างไดร์ฟตัดสินเกมจากเส้น 40 แดนตัวเอง ข้ามไปยังเส้น 23 คู่แข่ง ก่อนที่ไวนาเทียรีจะเผด็จศึกเช่นเคย
จอช แม็คแดเนียลส์ ซึ่งมาเป็นโค้ชเกมบุกให้เบรดีภายหลัง ชื่นชมว่าเขาเป็นคนใส่ใจในรายละเอียด และมีความเป็นนักต่อสู้ที่เต็มเปี่ยม ทำให้เบรดีคือผู้นำเพเทรียตส์อย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้เบรดีดูจริงจังบนสนามแข่ง แต่เราจะเห็นอีกมุมของเขาบ่อยครั้ง ทั้งการตะโกน ทักแม่ หรือเมียตัวเองผ่านกล้องทีวี เวลาสัมภาษณ์หลังแข่ง บางทีก็อำเพื่อนๆ ช่วงถ่ายภาพทีม
ไมค์ ไรสส์ ผู้สื่อข่าวของ ESPN ก็ยังมีมุมประทับใจของเขาที่มีต่อเบรดี หลังจากทำงานกันมานานเกือบสองทศวรรษ
เหตุการณ์วันนั้นคือคริสต์มาสอีฟ ปี 2018 เป็นวันจันทร์ หลังเกมเพเทรียตส์ชนะบัฟฟาโล บิลล์ส 24-12 คะแนน บรรยากาศทั่วไปค่อนข้างเงียบสงบ
พอดีไรสส์พาลูกสาววัย 9 ขวบ และลูกชายวัย 6 ขวบ ซึ่งหยุดเรียนมาดูเขาทำงานไม่กี่ชั่วโมง
พวกเขาจอดรถตู้เอาไว้ แล้วกำลังเดินเข้าไปยังสนาม มีรถติดฟิล์มดำคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาช้าๆ จนแทบไม่ได้ยินเสียง แต่หางตาไรสส์เหลือบเห็น จึงบอกให้ลูกหลบข้างทาง ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวหยุดอยู่ข้างหน้า แล้วคนขับก็ลดกระจกลงมา
“นี่เด็กๆ พร้อมกับคริสต์มาสหรือยังครับ” เบรดีคือคนขับดังกล่าว ถามลูกของไรสส์
ไรสส์บอกว่าถึงเขาจะคุ้นเคยกับเบรดีเพราะสัมภาษณ์กันมาบ่อย แต่วันนั้นความรู้สึกแตกต่างมาก กลายเป็นเบรดีที่ถามลูกๆ ของเขาแทน
“ชอบทำกิจกรรมอะไรครับ? ชอบเรียนวิชาไหน? ตื่นเต้นกับวันหยุดไหมครับ?”
ไรสส์จำเหตุการณ์นั้นแม่นยำ “เราไม่รู้จักนักกีฬาที่เราทำข่าวอย่างชัดเจนหรอก จะรู้ก็เพียงจากที่ได้คุยกันอย่างมีข้อจำกัด ทั้งอาจจะหน้าล็อกเกอร์ หรือระหว่างนักกีฬายืนบนโพเดียม เพราะความเป็นคนมีชื่อเสียง ทำให้เบรดีแทบไม่มีเวลากับเรื่องอื่นๆ
“แต่เมื่อไรที่เขามีเวลาก็จะใส่ใจกับครอบครัวและเด็กๆ เพราะแบบนั้นเรื่องที่เกิดในลานจอดรถจึงถือเป็นเหตุการณ์ไฮไลต์ ที่ภายหลังผมก็ยังเอามานั่งคุยกับเขาอยู่ ต่อให้มีผลงานบนสนามฟุตบอลระดับตำนาน สิ่งสำคัญกลับเป็นตัวตนที่มารยาทดี ซูเปอร์สตาร์บนสนามแข่งยังคงใส่ใจผู้อื่นแม้ในเวลาที่ไม่มีใครเห็นก็ตาม”
เพเทรียตส์ได้แชมป์สมัยสาม และยังเข้ารอบเพลย์ออฟอีก 3 ปีติด โดยเฉพาะ 2007 เบรดีได้ แรนดี มอสส์ มาเป็นปีกคู่ใจ สร้างสถิติเกมบุกเป็นว่าเล่น รวมทั้งมอสส์รับคนเดียวถึง 23 ทัชดาวน์ เข้าซูเปอร์โบวล์ด้วยสถิติไร้พ่าย กลับต้องโดนพิษสง อีไล แมนนิง กับนิวยอร์ก ไจแอนต์ส เล่นงานในเกมดังกล่าว 17-14 คะแนน
เหตุการณ์ที่ต้องจดจำกับเบรดีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแค่การบุกเพลย์ที่ 15 ของฤดูกาล 2008 เบอร์นาร์ด พอลลาร์ด ผู้เล่นในตำแหน่งเซฟตี้ของ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ โถมเข้าไปทับใส่เบรดี ซึ่งซีซันก่อนเขาเพิ่งเป็นผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ เอ็มวีพี
ปรากฏว่าเอ็นไขว้หน้าเข่าของเบรดีถึงกับขาด นั่นคือการบาดเจ็บรุนแรงครั้งแรก และครั้งเดียวในอาชีพ
แมตต์ แคสเซิล ลงมาขัดตาทัพ แม้เพเทรียตส์จะมีสถิติชนะ 11 เกม แพ้ 5 เกม แต่ไม่ได้เข้ารอบ
เบรดีผ่าตัดเสร็จ แผลก็ยังติดเชื้อ จนทำให้การฟื้นตัวช้ากว่าประเมิน
“เวลาคุณนั่งอยู่ข้างสนามตลอดปี มันทำให้คุณรู้ว่า คุณรักมันแค่ไหน” วันนั้นเบรดีนั่งคุยกับนักข่าวยาวเหยียดราวกับว่าเขาก็คิดถึงการให้สัมภาษณ์เหมือนกัน
“มันไม่ใช่ว่าต้องให้เกิดเรื่องขึ้นถึงค่อยดีใจเวลาลงแข่งหรอก แต่ประสบการณ์ต่างๆมันเกิดขึ้นหลายรูปแบบ และนั่นคือประสบการณ์ซึ่งผมไม่เคยเจอในฐานะนักกีฬามาก่อน”
เบรดีบอกว่า ต่อให้ต้องเจอความเคี่ยวกรำของซีซัน โดยเฉพาะเมื่อถึงเดือน พฤศจิกายนกับธันวาคม ซึ่งร่างกายต้องอ่อนล้าลง ก็ไม่เคยปริปากบ่นอีกเลย มันกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวไปตลอดช่วงครึ่งหลังอาชีพ
เขากลับมาในปี 2009 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญชีวิต แต่งงานกับ จีเซล บุนด์เชน ไล่เลี่ยกันนั้น แจ็ค-ลูกชายคนแรกก็คลอดออกมา
“ส่วนสำคัญในชีวิตผมก็คือการทำงาน ผมตื่นเต้นมากเวลาเกิดเรื่องเหล่านั้น ผมคิดว่า ผมคือคนที่มีความสุขมากขึ้น เวลาผมได้ทำงาน”
เขาทำงานนานกว่าใครด้วย เพราะการแข่งเพลย์ออฟอีก 41 เกม เทียบไปแล้วก็เหมือนเพิ่มมาอีกสองฤดูกาลครึ่งในอาชีพ
การลงแข่งซูเปอร์โบวล์ 9 ครั้ง ได้มาถึง 6 แชมป์ หมายความว่าแฟนๆ เพเทรียตส์ ต่างรู้สึกคุ้นเคยกับการเห็นทีมรักแข่งถึงปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์บ่อยครั้ง
เรื่องที่แฟนฝ่ายตรงข้ามเอาไว้แขวะใส่เบรดี และฝั่งเพเทรียตส์ก็คือ จากคดีบอลฟีบ จนทำให้เขาโดน NFL สั่งแบน 4 เกม
เมื่อเบรดีพ้นแบนปี 2016 ที่คลีฟแลนด์ คือหนึ่งในภาพอันน่าทึ่ง ผู้คนสนใจเขาวอร์มอัพมากกว่าเกมด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์อย่างเบรดี ก็คงหาคนที่ทำให้เกิดสิ่งนี้ได้ยาก แค่เขาเดินทางมายังสเตเดียม ก็มีการบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มแล้ว
ร็อบ กรอนคาวสกี กลายมาเป็นปีกคู่ใจคนใหม่ เบรดีปาให้เขารับรวม 79 ทัชดาวน์ ฤดูกาลปกติ มากสุดในบรรดาเพื่อนร่วมทีมทุกคน
กรอนคาวสกีรับทัชดาวน์จากเบรดี ทุกๆ การรับบอล 6.6 ครั้ง ถือว่าน่าทึ่งมาก
แต่ขนาดขาดเขาช่วงครึ่งฤดูกาลท้ายซีซัน 2016 เพราะบาดเจ็บหลัง เบรดีก็ยังนำทัพเข้าซูเปอร์โบวล์ พร้อมทำลายสถิติต่างๆ เพิ่มอีก ทั้งการคอมพลีตมากสุด (43 ครั้ง) ปาลูกมากสุด (66 ครั้ง) และระยะหลามากสุด (466 หลา) ที่สำคัญคือ คัมแบ็กจากเป็นรองแอตแลนต้า ฟอลคอนส์ 25 คะแนน แล้วเล่นต่อเวลา เอาชนะ 34-28 คะแนน ซึ่ง โรเบิร์ต คราฟต์ เจ้าของทีมสะใจมากเป็นพิเศษจากปัจจัยที่ต้องเห็นเบรดีโดนแบนจากคดีบอลฟีบ
รวมแล้วเบรดีกับโค้ชบิล เบลิชิก ได้แชมป์ร่วมกัน 6 สมัย มากสุดสำหรับโค้ชและควอเตอร์แบ็กในประวัติศาสตร์ NFL
หลายคนอาจสงสัยว่า เพราะอะไรเบรดีจึงตัดสินใจออกมาหาความเสี่ยงช่วงบั้นปลายอาชีพขนาดนี้
ลือกันว่า ต้นเหตุมันเกิดตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2017 หลังเพิ่งได้แชมป์สมัยที่ห้าไม่นาน, เบลิชิกเป็นคนเสนอเทรดเบรดีให้ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส ไม่ใช่ จิมมี การ็อปโปโล ควอเตอร์แบ็กสำรอง
จอห์น ลินช์ ผู้จัดการทีมโฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส เล็งการ็อปโปโลเอาไว้ แต่เบลิชิกดันเสนอเบรดีให้แทน ทว่าลินช์ยังไม่ทันได้ทำอะไร โรเบิร์ต คราฟต์ เจ้าของทีมนิวอิงแลนด์ก็เข้ามาขัดขวางยุติเรื่องดังกล่าวทันที
“ลินช์ก็เลยได้การ็อปโปโล” แหล่งข่าวกล่าว แต่เบลิชิก เบรดี และคราฟต์ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในเมื่อทอมรู้ว่าบิลหาทางกำจัดเขา มันยิ่งจุดไฟให้ลุกโชน”
เบรดียังนำทัพคว้าแชมป์มาอีกสมัย และรื้อสัญญาตัวเอง เพื่อกรุยทางสู่บทลงเอย อย่างที่เราทราบกัน
“ทุกการกระทำของเบรดี ตั้งแต่เข้าประชุมกับอีกสองขั้วอำนาจใหญ่ เพเทรียตส์ เมื่อ ปลายเดือนตุลาคม (2017)” อดีตเพื่อนร่วมทีมกล่าว “มันคือการตระเตรียมเพื่อโมเมนต์นี้”
เขาทวีตขอแยกทางเพเทรียตส์เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และสามวันให้หลังก็ใช้โซเชียลมีเดียประกาศเซ็นสัญญากับบัคคาเนียร์ส
“ตื่นเต้น และยังมีความกระหาย ถ้าจะมีอะไรที่ผมเรียนรู้เรื่องฟุตบอล ก็คือไม่มีใครแคร์สิ่งที่คุณทำปีก่อน หรือปีก่อนๆ หน้า คุณต้องสร้างความเชื่อมั่นและการนับถือจากคนรอบข้างด้วยการทุ่มเททำมันทุกวัน”
คราฟต์ยอมรับ “นี่มันไม่ใช่บทลงเอยอย่างที่ผมต้องการ แต่เขาคงไม่มีความสุขกับการอยู่ในระบบของเราแล้ว”
สัญญาใหม่ของเบรดีไม่แพงด้วย สัญญา 2 ปี ค่าเหนื่อย 50 ล้านดอลลาร์ (1,650 ล้านบาท) ส่วนอื่นๆ จะเกิดจากผลงานของเขาว่ายังอยู่ระดับท็อปไฟว์ลีก พร้อมเข็นทีมเข้าเพลย์ออฟได้หรือไม่?
ลาสเวกัสให้น้ำหนักเบรดีทีเดียว ชูบัคคาเนียร์สว่าเป็นเต็ง 5 ในการคว้าแชมป์ซูเปอร์ โบวล์ซีซันหน้าต่อจากแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์, บัลติมอร์ เรฟเวนส์, โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส, นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส
ขณะที่เพเทรียตส์หลุดไปอยู่เต็ง 8 ทีเดียว
จากอดีตดราฟต์เพียงรอบหก อยู่ในคอนโดฯ เก่าของ ทาย ลอว์ ตัวคุมปีกเพื่อนร่วมทีมใกล้ๆ เมืองแฟรงคลิน, แมสซาชูเซตส์
เบรดีในปัจจุบันอายุ 42 ปี หนวดและเส้นผมก็เริ่มหงอก ความสำเร็จมากมายมหาศาลจนคนในวงการต่างยกย่องว่า คือผู้ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาล GOAT แต่ธุรกิจของเขาก็เติบใหญ่ขึ้นมาก รวมทั้งการก้าวออกไปจากถิ่นนิวอิงแลนด์ ซึ่งอยู่ด้วยกันมานานเกือบครึ่งชีวิต ลงใต้ไปยังแทมปา เบย์
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
ความสำเร็จของ ทอม เบรดี ในเวลา 20 ฤดูกาลกับเพเทรียตส์
- แชมป์ซูเปอร์โบวล์ 6 สมัย
- ผู้เล่นทรงคุณค่าซูเปอร์โบวล์ 4 สมัย, ผู้เล่นทรงคุณค่าฤดูกาลปกติ 3 สมัย
- เข้าชิงซูเปอร์โบวล์ 9 ครั้ง
- แชมป์ AFC ตะวันออก 17 หน
- ติดโพรโบวล์ 14 ครั้ง, ติดออลโพร 5 ครั้ง
- ขว้างได้ระยะหลา และขว้างทัชดาวน์มากสุดอันดับ 2 ตลอดกาล
- ชนะรวม 77% จากเกมที่ลงตัวจริง