×

รวมข้อสรุปน่าสนใจ หลัง WHO ส่งทีม 25 คนสืบสวนสถานการณ์โควิด-19 ที่จีน

โดย THE STANDARD TEAM
06.03.2020
  • LOADING...

เมื่อไม่นานมานี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติจำนวน 25 คนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ส่งเข้าไปสืบสวนสถานการณ์ในจีน ได้ข้อสรุปหลักๆ มากมายหลังจากปฏิบัติงานผ่านไป 9 วัน ซึ่งรายงานต้นฉบับภาษาอังกฤษฉบับดังกล่าวได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งข้อสรุปบางส่วนที่น่าสนใจมีดังนี้

 

  • กรณีส่วนใหญ่ (78-85%) เกิดจากการติดต่อกันในครอบครัวจากละอองเสมหะ (Droplet) ไม่ใช่การกระจายจากละอองลอย (Aerosol) เป็นหลัก

 

  • เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ (จากทั้งหมด 2,055 คน) ติดเชื้อจากที่บ้าน หรือไม่ก็ติดเชื้อจากการระบาดในช่วงแรกที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการรับมือโรค

 

  • ราว 5% ของคนที่ถูกวินิจฉัยว่าป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อีก 15% ต้องใช้ออกซิเจนเข้มข้นสูง

 

  • ช่วงการฟื้นตัวจะใช้เวลาโดยเฉลี่ยราว 3-6 สัปดาห์สำหรับรายที่อาการหนัก ส่วนรายที่ป่วยไม่มากจะใช้เวลา 2 สัปดาห์

 

  • จำนวนผู้ป่วยและช่วงเวลาที่ใช้รักษาเป็นภาระหนักเกินกว่าระบบที่อู่ฮั่นรองรับได้ โดยจังหวัดหูเป่ย เมืองหลวงของมณฑลอู่ฮั่น มีผู้ป่วยราว 65,596 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มีนาคม 2020)

 

  • มีการส่งคนไปช่วยรับมือที่หูเป่ยราว 40,000 คน ในอู่ฮั่นมีโรงพยาบาล 45 แห่งที่ใช้รองรับผู้ป่วย โดย 6 แห่งรองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤต และอีก 39 แห่งรองรับผู้ป่วยหนัก โดยเฉพาะกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี

 

  • ขณะนี้จีนผลิตชุดตรวจโรคโควิด-19 ใหม่ราว 6 ล้านชุดต่อสัปดาห์ โดยรู้ผลการตรวจได้ในวันเดียว ใครที่มีไข้และไปพบแพทย์จะได้รับการตรวจเบื้องต้นด้วยชุดตรวจนี้ ในเมืองกวางตุ้งที่ห่างจากอู่ฮั่นได้ทดสอบกับคนไปแล้วรวม 3.2 แสนคน และมี 0.14% ที่ตรวจพบไวรัส

 

  • คนส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อมักจะมีอาการในที่สุด แม้ว่าจะช้าเร็วต่างกัน ในกรณีที่ตรวจพบไวรัสแต่ยังไม่มีอาการนั้นหายาก และส่วนใหญ่จะป่วยในอีก 2-3 วันต่อมา

 

  • อาการที่พบบ่อยที่สุดคือมีไข้ (88%) ไอแห้งๆ (68%) ไม่มีเรี่ยวแรง (38%) ไอแบบมีเสมหะ (33%) หายใจลำบาก (18%) เจ็บคอ (14%) ปวดหัว (14%) 

 

  • อาการที่ไม่ใช่สัญญาณโรคของโควิด-19 คือน้ำมูกไหล

 

  • จากการตรวจสอบคนจีนที่ติดเชื้อรวม 44,672 คน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 4%

 

  • ระบบสุขภาพของจีน: คนที่ติดเชื้อในจีนราว 20% ต้องการการรักษาที่โรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ จีนมีโรงพยาบาลเพียงพอจะใช้รักษาประชากรได้ 4% ของทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ มีศักยภาพราว 0.1-1.3% และเตียงส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีผู้ป่วยโรคอื่นใช้อยู่แล้ว

 

  • วิธีการรับมือแรกสุดที่จะช่วยป้องกันการกระจายของไวรัสได้อย่างชะงัดคือทำให้จำนวนผู้ป่วยหนักโรคนี้มีจำนวนน้อย และขั้นตอนสำคัญรองลงมาคือการเพิ่มจำนวนเตียง (รวมทั้งวัสดุและบุคลากร) จนกว่าจะมีเพียงพอสำหรับผู้ป่วยหนัก

 

  • จีนทดสอบการรักษาด้วยวิธีการที่หลากหลายกับโรคที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และนำวิธีการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไปใช้ทั่วประเทศ ด้วยวิธีการตอบสนองเช่นนี้เองที่ทำให้อัตราการตายลดลงกว่าเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้

 

  • ยิ่งอายุน้อยก็ยิ่งติดเชื้อยาก และแม้จะติดเชื้อก็จะป่วยไม่หนักเท่ากับผู้ที่อายุมากกว่า

 

คำอธิบายตาราง: จากคนที่อาศัยในจีน มี 13.5% ที่อายุระหว่าง 20-29 ปี จากจำนวนผู้ติดเชื้อในจีน มี 8.1% ที่อยู่ในอายุกลุ่มนี้ (แต่ไม่ได้หมายความว่ามี 8.1% ของคนอายุ 20-29 ปีที่ติดเชื้อ) นี่หมายความว่ามีแนวโน้มที่ใครก็ตามที่มีอายุในช่วงนี้จะมีโอกาสติดเชื้อค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และในกลุ่มอายุนี้ที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต 0.2%

 

 

  • เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคเท่าๆ กับผู้ชาย โดยมีหญิงชาวจีนเพียง 8% เท่านั้นที่ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคนี้ ขณะที่ผู้ชายจะอยู่ที่ 4.7% ของอัตราการเสียชีวิต

 

  • โรคนี้รุนแรงในกลุ่มหญิงมีครรภ์มากกว่ากลุ่มอื่น

 

  • เด็กที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อด้วยวิธีผ่าคลอดรวม 9 รายที่ตรวจสอบมีสุขภาพแข็งแรงและไม่ติดเชื้อ

 

  • มารดาเหล่านั้นติดเชื้อในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์

 

  • ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าหากเกิดการติดเชื้อในช่วง 3 หรือ 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เด็กในท้องจะเป็นอย่างไร เพราะเด็กเหล่านี้ยังไม่ถึงกำหนดคลอดในปัจจุบัน

 

  • ไวรัสชนิดใหม่นี้มีพันธุกรรม 96% เหมือนกับไวรัสโคโรนาที่อยู่ในค้างคาว และเหมือนไวรัสโคโรนาในตัวนิ่ม (Pangolin) 86-92% ดังนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าที่มาของไวรัสใหม่นี้คือการส่งผ่านไวรัสที่กลายพันธุ์จากสัตว์มายังคน

 

  • นับตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม จำนวนไวรัสโคโรนาในจีนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้มีเพียง 329 รายที่วินิจฉัยพบใหม่ เทียบกับประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ที่พบราว 3,000 รายต่อวัน

 

  • รายงานสรุปว่าปรากฏการณ์ลดลงของจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจีนน่าจะเป็นเรื่องจริง 

 

ทั้งนี้ผู้จัดทำรายงานสรุปว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุมีการลดลงของผู้ป่วยที่ไปยังโรงพยาบาลในบริเวณที่เกิดการระบาด, มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตียงที่ว่าง, และนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนเริ่มประสบปัญหาเรื่องการหาจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ๆ ให้มากพอสำหรับใช้ในการทดสอบทางคลินิกของยามากมายหลายตัว

 

โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เชื่อว่าควบคุมการระบาดในจีนได้แล้วคือมีการสัมภาษณ์คนที่ติดเชื้อทุกคนทั่วประเทศเกี่ยวกับคนที่เคยสัมผัสและทดสอบคนกลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยมี 1,800 ทีมในอู่ฮั่นที่ทำเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละทีมจัดการกับเรื่องนี้อย่างน้อย 5 คน แต่ความพยายามนอกอู่ฮั่นก็มากมายเช่นกัน เช่น ในเซินเจิ้น ผู้ติดเชื้อระบุรายชื่อคนที่ติดต่อด้วยรวม 2,842 คน มีการค้นหาจนพบหมดทุกคน และมีการทดสอบไปแล้วถึง 2,240 ราย โดยจากจำนวนดังกล่าวมี 8% ที่ติดเชื้อ

 

ขณะที่ในจังหวัดเสฉวน มีคนติดต่อด้วยที่ระบุชื่อไว้ 25,493 คน พบตัวแล้ว 99% (25,347 คน) และตรวจสอบไปแล้ว 23,178 คน โดยพบว่ามีการติดเชื้อ 0.9% ส่วนจังหวัดกวางตุ้ง มีคนในรายชื่อที่ติดต่อกัน 9,939 คน พบตัวหมดแล้ว และมีการตรวจสอบไปแล้ว 7,765 คน พบผู้ติดเชื้อ 4.8% ซึ่งก็หมายความว่าหากคุณบังเอิญติดต่อหรือพูดคุยโดยตรงกับคนที่ติดเชื้อจะมีโอกาสติดเชื้ออยู่ระหว่าง 1-5%

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X