ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันนี้ (26 กุมภาพันธ์) จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นอภิปรายการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นภาวะผู้นำ ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศ ทั้งยังได้เสนอให้มีการทำประชามติโหวตเลือก ‘เอา’ หรือ ‘ไม่เอา’ นายกรัฐมนตรี
“ทำไมท่านถึงพูดได้ว่าไทยมีฐานเศรษฐกิจเหมือนสิงคโปร์หรือจีน เพราะจำนวนประชากร, GDP, คุณภาพชีวิต, รายได้ต่อหัวของเราก็แตกต่างกัน ผมจึงไม่ไว้วางใจที่ท่านมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเลย แถมก่อนจะเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐก็เคยให้สัญญาไว้ว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ 400 บาท แต่ปรากฏว่ามกราคมที่ผ่านมาก็ขึ้นให้แค่ 18 บาทเท่านั้น
“เหตุผลที่ผมต้องบอกว่าไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นเพราะวันนี้เศรษฐกิจมันไม่ดีจริงๆ ถ้าในอดีต เวลาเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจ ประชาชนฐานรากจะไม่ได้รับผลกระทบ กลุ่มเศรษฐีจะได้รับผลกระทบ มาวันนี้พีระมิดหัวกลับ กลายเป็นว่าเศรษฐียิ่งรวย ส่วนฐานรากก็จน ประเทศไทยในเวลานี้เหมือนกำลังเป็นโรคไส้ติ่ง เดี๋ยวปวดท่องเที่ยว เดี๋ยวก็ปวดงบประมาณ สุดท้ายก็ให้กินแต่ยาพาราเซตามอล แล้วมันจะหายได้หรือ ถึงเวลาไส้ติ่งแตกก็ตายทั้งประเทศ”
ขณะที่ประเด็นการเคลื่อนไหวของนักเรียนนักศึกษาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในขณะนี้ จิรายุระบุว่า สะท้อนให้เห็นถึงการเรียกร้องประชาธิปไตยตามระบอบการปกครองของประเทศ ไม่เข้าข่ายการชังชาติ เพราะทุกคนรักชาติเหมือนกันหมด แต่เป็นการ ‘ชังเผด็จการ’
นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มีการทำประชามติเพื่อโหวตเลือกรับหรือไม่รับนายกรัฐมนตรีเพื่อสะท้อนความเห็นของประชาชนี่มีต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ผมอยากเสนอให้มีการทำประชามติ ขอเวลา 1 เดือน มีแค่ ‘เลือก’ หรือ ‘ไม่เลือก’ ว่าจะให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ เหมือนที่อังกฤษทำประชามติ Brexit โหวตเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป จะได้รู้เลยว่าประชาชนที่เอาหรือไม่เอานายกฯ มีจำนวนเท่าไรกันแน่ รู้กันไปเลยว่าคนเขาอยากเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีกันไหม”
ทั้งนี้ ส.ส. จากพรรคเพื่อไทยได้ทิ้งท้ายไว้ว่า หากอีก 6 เดือนต่อจากนี้ ถ้าประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และต้องดำเนินการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ตนและพี่น้องประชาชนคนไทยกว่า 70 ล้านคนจะไม่ให้อภัยนายกรัฐมนตรีเด็ดขาด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า