1. ฮาวทูทิ้ง.. ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ เป็นผลงานภาพยนตร์ลำดับที่ 7 ของเต๋อ แต่จริงๆ แล้วเต๋อเริ่มพัฒนาโปรเจกต์นี้ตั้งแต่ต้นปี 2016 ที่เพิ่งจบจากเรื่อง ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ ก่อนที่จะมีผลงานอย่าง Die Tomorrow (2017) และ BNK48: Girls Don’t Cry (2018)
ตอนแรกใช้ชื่อโปรเจกต์ว่า Happy Old Year (สวัสดีปีเก่า) เต๋อโพสต์รูป Treatment 1 (โครงเรื่องขยายที่ละเอียดกว่าเรื่องย่อ แต่ยังไม่ถึงขั้น Screenplay หรือบทภาพยนตร์) ลงเวลากำกับไว้ที่เดือนกุมภาพันธ์ 2016, มีภาพ Screenplay Draft 3 ที่มีคำว่า Final กำกับในเดือนพฤษภาคม 2019 และมี Screenplay Draft 4 Final อีกครั้งในช่วงเดือนกรกฎาคม และครั้งนี้มีชื่อของพระเอกอย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ แปะเอาไว้ พร้อมแคปชันว่า ‘วันนี้มาติดอาวุธและชุดเกราะเพิ่มให้ทหารหนุ่ม’
เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำวันที่ 13 สิงหาคม 2019 ปิดกล้องวันที่ 7 กันยายน 2019 และจบขั้นตอนการตัดต่อภาพยนตร์ โดย อาร์ม-ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต ได้ที่จำนวน 18 ดราฟต์
2. เรารู้ข่าวโปรเจกต์นี้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2018 ในงานประกาศโปรเจกต์ใหม่ปี 2019 ของค่าย GDH ซึ่งตอนนั้นเต๋อแค่ส่งรูปไทม์แมชชีนในการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน มาเป็นคำใบ้
ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็รู้กันแล้วว่า ไทม์แมชชีนสื่อถึงการ ‘ย้อนเวลา’ กลับไปหาความทรงจำเก่าๆ ผ่านการจัดบ้านของตัวละคร จีน (ออกแบบ–ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ที่ทำให้เธอค้บพบเรื่องราวและความผูกพันกับผู้คนมากมาย โดยเฉพาะ เอ็ม อดีตคนรักที่เคยถูกเธอทิ้งไปเหมือนทิ้งขยะลงถุงดำ
3. จุดเริ่มต้นในการทำเรื่อง ฮาวทูทิ้ง.. ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ มาจากพื้นฐานที่เต๋อเป็นคนใช้เวลาช่วงใกล้ปีใหม่ในการจัดบ้าน เพราะชอบเก็บของรวมๆ ไว้ จนไม่มีเวลาเก็บและต้องมาเคลียร์ทีเดียว ซึ่งออกมาในช่วงเวลาเดียวกับที่แนวคิดจุดประกายความสุข (Spark Joy) ของ คนโด มาริเอะ กำลังได้รับความนิยม ทำให้คนมักเข้าใจผิดว่าเต๋อได้แรงบันดาลใจมาจากศาสดาแห่งการจัดบ้านคนนี้
เต๋อบอกว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากแนวคิดของคนโด มาริเอะ เพียงเล็กน้อย เคยซื้อหนังสือจัดบ้านมาอ่านด้วย แต่ไม่จบ เพราะรู้สึกว่าการจัดบ้านในความเป็นจริงสำหรับเขายากกว่านั้นเยอะ ถึงขนาดที่คนโด มาริเอะ ก็ช่วยอะไรไม่ได้
4. เต๋อเคยร่วมงานกับซันนี่มาแล้วสองครั้ง จาก ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ และ Die Tomorrow ที่ออกแบบก็เล่นด้วยแต่เป็นคนละตอน และเต๋อให้เหตุผลในการเลือกสองคนนี้มาเล่นคู่กันว่า อยากได้ของแรงๆ มาเจอกัน (แต่ทั้งสองคนต้องผ่านกระบวนการแคสติ้งตามปกติ) และเต๋อบอกไว้อีกว่า “ขอรับผิดชอบดูแล และจะอันล็อกพลังซ่อนเร้นของพวกเขาออกมา”
พร้อมกับนักแสดง ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา, อุ๋ม-อาภาศิริ นิติพน, หมี-ถิรวัฒน์ โงสว่าง และ แพรว-พัดชา กิจชัยเจริญ ที่แรงไม่แพ้กัน
5. การรับบทเป็น จีน ทำให้ออกแบบได้ตัดผมสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่เธอตั้งใจเอาไปบริจาคเพื่อทำวิกผมให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ส่วนซันนี่เคยรับบทตัวละครไว้หนวดเคราจนเป็นเรื่องปกติมาแล้ว 10 เรื่อง คือ เพื่อนสนิท, เนื้อคู่ประตูถัดไป, สายลับจับบ้านเล็ก, รัก 7 ปี ดี 7 หน, ชัมบาลา, คาราบาว เดอะ ซีรี่ส์ ตอน ทะเลใจ, ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้, STAY ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ, น้อง.พี่.ที่รัก แต่ไม่เคยมีเรื่องไหน ที่เราจะได้เห็นหนวดเคราบนใบหน้าของซันนี่ได้มากเท่าบท เอ็ม ในเรื่องนี้
6. ออกแบบขึ้นชื่อในเรื่องการทุ่มเทให้กับการแสดงมากๆ เธอต้องหลบไปร้องในระหว่างถ่ายทำมากถึง 8 ครั้ง จากคิวถ่ายทั้งหมด 12 คิว ออกแบบกลายเป็นตัวละครจีนอย่างสมบูรณ์แบบ คิด พูด รู้สึกแบบจีนทั้งหมดแม้จะไม่ได้อยู่ในการถ่ายทำ และติดคาแรกเตอร์ของจีนเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากปิดกล้องไปแล้ว จนผู้จัดการส่วนตัวที่อายุมากกว่า 10 ปี ต้องบอกให้ออกแบบรีบไปเอาตัวละครออก เพราะไม่รู้สึกถึงความเป็น ‘ออกแบบคนเดิม’ จากออกแบบเลย (ตัวละครจีนมีอายุและความคิดโตกว่าออกแบบพอสมควร)
7. กล้องของตัวละครจีนและเอ็มที่เห็นในเรื่องคือรุ่น Olympus µ Mju-1 Panorama รุ่นเดียวกับที่เต๋อใช้งานจริงๆ มานาน ซื้อมาใช้เพราะเห็น ทราย-กรมิษฐ์ วัชรเสถียร นางเอกเรื่อง 36 เอามาใช้ถ่ายรูปในกองถ่าย และได้ซื้อมาจริงๆ เมื่อ 6-7 ปีก่อนจากร้านกล้องมือสองที่ประเทศญี่ปุ่น ในราคา 1,500 บาท
พอรู้ว่าต้องมีกล้องอยู่ใน ฮาวทูทิ้ง.. ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ เลยอยากนำกล้องรุ่นนี้มาใช้ แต่กล้องตัวเก่าถูกใช้งานจนโทรมเกินไป เต๋อเลยต้องไปหาซื้อใหม่อีกครั้งที่ประเทศญี่ปุ่น แต่รอบนี้ได้มาในราคา 4,500 บาท ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอีกในอนาคต
8. ฮาวทูทิ้ง.. ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ คืออีกหนึ่งภาพยนตร์ของเต๋อที่กลายเป็นไวรัลตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ จากโปรเจกต์ Propcasting ที่ให้ผู้ชมส่งสิ่งของที่มีความทรงจำและมีความหมายเข้ามาแคสติ้งเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากในภาพยนตร์ และมีคนส่งของเข้าร่วมโปรเจกต์จำนวนมาก
การปล่อยโปสเตอร์ภาพยนตร์และถุงมือสีเหลือง ที่ให้ดาวน์โหลดและมีคนร่วมสนุกตัดต่อภาพตัวเองใส่เข้าไปอย่างมีสีสัน รวมทั้งแบรด์สินค้าหลายเจ้าที่เข้ามาร่วมสนุกขายของผ่านโปรเจกต์นี้ด้วย
ทำให้แฮชแท็ก #ฮาวทูทิ้ง กลายเป็นพื้นที่รวมพลของกูรูทั้งด้านการ ‘ทิ้ง’ และ ‘ถูกทิ้ง’ มาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่อาจลืม ทำให้คนต้องไปเสิร์ชหาว่า ‘มุ้ปอร’ หมายถึงอะไร ไปจนถึงปรากฏการณ์ที่ทำให้มีคนกล้าชวน ‘แฟนเก่า’ ไปดูด้วยกันมากที่สุด (แต่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั่นอีกเรื่องหนึ่ง)
9. ทันทีที่ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมา มียอดวิวรวม 1 ล้านครั้ง ยอดไลก์และแชร์มากถึง 30,000 ครั้งภายในคืนเดียว เต๋อบอกว่าไม่เคยทำแบบนี้ได้มาก่อน และอาจจะมียอดมากกว่าเอาผลงานทุกเรื่องของเขามารวมกันเสียอีก ล่าสุดยอดในเฟซบุ๊กอยู่ที่ 3.8 ล้านครั้ง มีคนกดไลก์ 57,000 ครั้ง และแชร์อีก 59,000 ครั้ง
ชมตัวอย่างภาพยนตร์ ฮาวทูทิ้ง.. ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ได้ที่
10. ‘ทิ้งแต่เก็บ’ คือเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เขียนเนื้อร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดย The TOYS (ธันวา บุญสูงเนิน) ที่ได้รับโจทย์ในช่วงตัดต่อภาพยนตร์ ทำให้ทอยไม่ได้ดูหนังจริงๆ เต๋อเล่าให้ฟังแค่เรื่องย่อคร่าวๆ และให้โจทย์ว่า ต้องมีคำว่าทิ้ง สามารถใช้ได้กับทุกตัวละครในเรื่องไม่ใช่แค่พระเอก-นางเอก และขอให้มีเครื่องดนตรีแค่สองชิ้น คือ เปียโนและทรัมเป็ต เต๋อช่วยให้ทอยเห็นภาพง่ายขึ้นด้วยการให้นึกภาพตัวเองนั่งเล่นเปียโนอยู่คนเดียวในผับตอนตี 4 แล้วมีเพื่อนอีกคนเล่นทรัมเป็ตอยู่ไม่ห่าง
สิ่งที่ได้กลับมาคือ การตีความคำว่า ‘ทิ้ง’ อีกรูปแบบหนึ่งของทอย ที่มองว่าการทิ้งไม่ได้จำเป็นว่าสิ่งนั้นจะต้องถูกทำให้หายไป แต่หมายถึงการ ‘ทิ้ง’ สิ่งนั้นเอาไว้ที่เดิมก็ได้
ความสำเร็จของเพลงนี้ (นอกจากการถูกซันนี่นำไปแซวท่อน “แต่อยากจือขอว์เก็บ” ในรายการต่างๆ อยู่บ่อยๆ) คือการที่มีคนเข้าใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ชื่อ ทิ้งแต่เก็บ ไปแล้วจริงๆ
ชมมิวสิกวิดีโอเพลง ทิ้งแต่เก็บ ได้ที่
11. ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าฉายที่ประเทศไทย ฮาวทูทิ้ง.. ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ก็ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติรอตเทอร์ดาม (International Film Festival Rotterdam 2020) เป็นที่เรียบร้อย และคนไทยจะได้เข้าสู่จักรวาลแห่งการ ‘ทิ้ง’ ได้พร้อมกันในวันที่ 26 ธันวาคมนี้
ภาพ: GDH และ Nawapol Thamrongrattanarit
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์