นานมาแล้วที่ ‘พริก’ ไม่เพียงแต่จะถูกนำมาใช้ประกอบอาหารเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้ในการ ’รักษา’ โรคต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งล่าสุด นักวิจัยค้นพบว่า การกินพริกอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อีกด้วย
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ชื่นชอบการกินเผ็ดเลยก็ว่าได้ เพราะขณะนี้พริกกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก และอาหารรสจัดก็กลายเป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ในประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน ที่หลากหลายเมนูมักจะประกอบไปด้วยพริกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลังจากปรากฏการณ์นี้ ก็มีนักวิจัยออกมาเปรียบเทียบคนที่กินพริกกับไม่กินพริกขึ้น เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการกินพริกและการลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต
ผลวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Journal of the American College of Cardiology โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมการทดสอบถึง 23,000 คน ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่นักวิจัยเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมการกินและสุขภาพของผู้เข้าร่วมทุกคน ในที่สุดก็ได้ผลสรุปออกมาว่า อัตราความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจของคนที่ชอบกินพริก ‘ต่ำกว่า’ คนที่ไม่ชอบกินพริกถึง 40% นั่นทำให้เห็นว่า อาหารเผ็ดอาจช่วยยืดอายุให้คนได้
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ‘แคปไซซิน’ (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารให้ความเผ็ดในพริก ช่วยปรับการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงช่วยควบคุมการเผาผลาญในร่างกายให้เป็นปกติได้ด้วย ทำให้นักวิจัยเชื่อว่าสารแคปไซซินมีประโยชน์ในการช่วยต่อสู้กับอาการปวดประสาท โรคไข้ข้อ โรคระบบทางเดินอาหาร หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง
“ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ การป้องกันความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่เราพยายามกินตามอยู่ทุกวันนี้” มาเรียลอว์รา โบนัคชิโอ (Marialaura Bonaccio) นักระบาดวิทยาของสถาบันประสาทเมดิเตอร์เรเนียน ผู้นำการวิจัยครั้งนี้กล่าว
“หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ บางคนอาจจะกินอาหารเพื่อสุขภาพตามวิธีเมดิเตอร์เรเนียนไดเอต (Mediterranean Diet คือ อาหารรูปแบบหนึ่งที่เน้นการบริโภคผัก ผลไม้ และธัญพืชเป็นหลัก) หรือบางคนอาจจะกินอาหารที่สุขภาพดีน้อยกว่านั้น แต่สำหรับพวกเขาทุกคน พริกมีส่วนช่วยในการป้องกันได้ทั้งหมด” มาเรียลอว์รา เสริม
ผลการวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบกลุ่ม ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นชาวโมลีเซ อาศัยอยู่ที่เมืองทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ลิเซีย เอียโควิเอลโล (Licia Iacoviello) ผู้อำนวยการแผนกระบาดวิทยา และศาสตราจารย์สาขาอายุรกรรมประสาท มหาวิทยาลัยอินซูเบรีย ได้อธิบายถึงคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของพริก ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านวัฒนธรรมอาหารของประเทศอิตาลีมาเป็นเวลายาวนาน
“ตอนนี้เราก็ได้สังเกตเห็นแล้วในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรารู้ว่าพืชชนิดต่างๆ ที่เป็นสายพันธุ์เดียวกับพริก แม้จะถูกนำมาบริโภคในรูปแบบที่แตกต่างกันทั่วโลก แต่ก็สามารถช่วยป้องกันและรักษาสุขภาพเราได้” ลิเซีย เสริม
นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาพบอีกว่า เวลาที่มีการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลายครั้งมักเชื่อมโยงกับโรคหัวใจวายฉับพลันแบบไม่รู้ตัว และตอนนี้ทีมวิจัยก็มีแผนที่จะตรวจสอบกลไกทางชีวเคมีของพริกที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพเรา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ต่างก็ชื่นชมการศึกษานี้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางคนที่ออกมาชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดบางอย่างเช่นกัน
เดวน เมลเลอร์ (Duane Mellor) นักโภชนาการและอาจารย์อาวุโสที่สถาบันการแพทย์แอสตัน ประเทศอังกฤษ ออกมากล่าวว่า แม้บทความนี้จะน่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงความเชื่อมโยงถึงสาเหตุที่ว่าการกินพริกจะช่วยสร้างประโยชน์ต่อสุขภาพ
ถึงอย่างนั้น เมลเลอร์ก็ได้พูดถึงผลกระทบด้านบวกของพริกที่ได้จากการศึกษา ที่สามารถนำมาประกอบกับวิธีการใช้ในอาหารได้ด้วย “พวกเขามีเหตุผลที่ใส่พริกเข้าไปในอาหาร เพราะจากข้อมูลได้ชี้ให้เห็นว่าพวกเขามีการใช้สมุนไพรและเครื่องเทศจำนวนมากควบคู่ไปด้วย และเป็นไปได้ที่จะรับประทานอาหารสดๆ รวมไปถึงผัก”
ดังนั้น พริกจึงถือเป็นแค่ตัวเสริมรสชาติในมื้ออาหารของเรา แต่ผลกระทบโดยตรงมีแนวโน้มที่จะน้อยเกินไป อย่างไรก็ตาม มันก็มีส่วนช่วยในการทำให้อาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ ดูน่ากินมากยิ่งขึ้น
“ความสัมพันธ์นี้ชี้ให้เห็นว่าพริกอาจเป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่งในไลฟ์สไตล์การกินที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัด แต่ข้อมูลที่ยังไม่แน่ชัดนี้มักจะปรากฏในผลการศึกษาทางระบาดวิทยา ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ยอมรับในเรื่องนี้” เอียน จอห์นสัน (Ian Johnson) นักโภชนาการที่สถาบันชีววิทยาศาสตร์ควาดรัม เมืองนอริช ประเทศอังกฤษ กล่าว
นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นว่า สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ทราบถึงกลไกในการป้องกันที่ว่าของพริก และนักวิทยาศาสตร์หลายคนก็ยังไม่พบว่าการกินพริกมากๆ จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นแต่อย่างใด
แม้จะยังสรุปได้ไม่แน่ชัด แต่ก็คงต้องมองภาพเจ้าพริกเม็ดเล็กๆ นี้ใหม่ เพราะมันอาจมีประโยชน์มากกว่าการเพิ่มความเผ็ดให้กับอาหาร ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ก็ควรทานอย่างระมัดงระวังด้วย เพราะถ้าหากทานมากเกินไปก็ย่อมส่งผลเสียต่อกระเพาะและระบบทางเดินอาหารได้เช่นกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
