ก่อนจะถูกพลังของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ Marvel ใน Avengers: Endgame ขึ้นแซงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ Avatar คือภาพยนตร์ระดับปรากฏการณ์ที่ยืนหนึ่งทั้งด้านคุณภาพ รายได้ และการสร้างภูมิทัศน์ใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์มาตลอดระยะเวลา 10 ปี
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ผู้กำกับอย่าง เจมส์ คาเมรอน ได้เขียนโครงเรื่องการผจญภัยอันไกลโพ้นบนดวงดาวนาม แพนโดรา บ้านของชาวนาวีเอเลี่ยนตัวฟ้าลงบนกระดาษ 80 แผ่น ไว้ตั้งแต่ปี 1994
แต่เนื่องจากทางเทคโนโลยี ณ วันนั้นยังไม่ก้าวหน้าเพียงพอที่จะเนรมิตจินตนาการของเขาให้เกิดขึ้นจริงในโลกภาพยนตร์ และต้องใช้เวลาในการพัฒนาโปรเจกต์นานถึง 15 ปี จนพร้อมออกฉายที่สหรัฐอเมริกาในวันที่ 18 ธันวาคม 2009 และได้ แซม เวิร์ธธิงตัน, โซอี้ ซัลดานา, สตีเฟน แลง, มิเชล โรดริเกซ และซิกอร์นีย์ วีเวอร์ มาเป็นทีมนักแสดงนำ
Avatar พาคนดูเดินทางในยังโลกอนาคตกลางศตวรรษที่ 22 เล่าเรื่องผ่าน เจค ซัลลี อดีตนาวิกโยธินที่ประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้ และตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจกต์วิทยาศาสตร์ที่ทำให้สามารถถ่ายโอนจิตไปสู่ ‘ร่างใหม่’
เดินทางไปยังแพนโดรา ดาวอาณานิคมของมนุษย์ที่เพื่อทำภารกิจสำคัญในการขุดสำรวจแร่หายากที่มีมูลค่าและพลังมหาศาล และต้องแทรกซึม โน้มน้าวให้ ‘ชาวนาวี’ สิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่นซึ่งอาศัยและผูกพันธ์กับดาวดวงนี้มาช้านาน ให้ยอมหลีกทางให้มนุษย์จากดาวโลก แต่ยิ่งทำภารกิจมากเท่าไร เจคก็ยิ่งมองเห็นความรัก ความสวยงาม และถลำลึกลงในหัวใจของชาวนาวีมากเท่านั้น
Avatar เป็นหนังที่มีทุนสร้างมากถึง 237 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยงบประมาณส่วนใหญ่หมดไปกับการนำเทคโนโลยี Motion Capture ที่มีอยู่เดิมมาต่อยอดเพื่อสร้างเป็นภาพในระบบ 3D และ 4D ที่สวยงามและสมจริงมากที่สุดในเวลานั้น
และทันทีที่เข้าฉาย Avatar ก็กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการภาพยนตร์ ที่ทำรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 2.79 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้า Titatic ที่ เจมส์ คาเมรอน เป็นผู้กำกับอีกเช่นกัน ยืนหนึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติเป็นเวลา 10 ปี ก่อนที่จะถูก Avengers: Endgame ทำลายสถิติไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 9 สาขา และกวาดรางวัลสายเทคนิคพิเศษอย่าง กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม มาได้อย่างไร้ข้อสงสัย
นอกจากความสำเร็จด้านคำวิจารณ์และรายได้ Avatar ยังกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่ช่วยพัฒนาการถ่ายทำด้วยเทคนิค Motion Capture ให้กับภาพยนตร์ในยุคหลังอีกมากมาย
รวมทั้งภาคต่อ Avatar 2 ที่กำลังจะเข้าฉายในปี 2020 เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่น่าจับตาดูเป็นอย่างมาก ว่าเมื่อเวลาผ่านไป 11 ปี เจมส์ คาเมรอน จะพาคนดูไปเปิดประสบการณ์ในโลกภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจได้อีกมากขนาดไหน