×

เมื่อภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถทำให้เกิดภาวะ HIV สงบ และอาจกำจัดเชื้อ HIV ได้ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา นักวิจัยผู้ใฝ่ฝันจะพิชิตเชื้อ HIV [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
18.10.2019
  • LOADING...
HIV Functional Cure

HIGHLIGHTS

6 MINS. READ
  • นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามค้นหาวิธีการที่ทำให้เชื้อ HIV อยู่ในภาวะสงบ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ไทยได้ทำสำเร็จแล้วเป็นครั้งแรก โดยใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV ด้วยสารสกัดจากพืชกินได้ (Plant- based Immunotherapy for HIV) ที่ทำให้เชื้อ HIV ตรวจไม่พบแล้ว หรืออาจจะไม่มีเหลือเลย จนเกิดภาวะที่เรียกว่า ‘ภาวะ HIV สงบ’ หรือ ‘HIV Functional Cure’ ที่ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติต่อเนื่อง
  • ศ.ดร.พิเชษฐ์  วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO คือนักวิจัยผู้ใฝ่ฝันจะพิชิตเชื้อ HIV การเห็นผู้ป่วยมีความหวังและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้กับชายผู้นี้ในการทำงานวิจัยเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายที่มนุษย์ไม่เคยเอาชนะได้เลยชนิดนี้

แม้การแพทย์ในปัจจุบันนี้จะก้าวล้ำไปมาก มีข่าวคราวเกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัยศึกษามาแล้วมากมาย และดูเหมือนว่าการที่มนุษย์เราพยายามที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัส HIV อันนำมาซึ่งโรค AIDS หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกที แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือแพทย์คนไหนที่กล้าคอนเฟิร์มว่าค้นพบวิธีกำจัดเชื้อ HIV ได้หมดทั้ง 100% ราวกับว่านี่เป็นเพียงความฝันของมวลมนุษยชาติ 

 

แต่รู้หรือไม่ว่าเมืองไทยเองมีนักวิจัยผู้มุ่งมั่นทำงานเพื่อเอาชนะเชื้อไวรัสตัวร้ายดังกล่าวอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วย AIDS ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

 

แทนที่จะมุ่งกำจัดเชื้อ HIV โดยตรงกลับมุ่งเสริมภูมิคุ้มกัน

ตามปกติแล้วนั้นผู้ป่วยจะต้องได้รับยาต้านไวรัสเพื่อหยุดการเพิ่มปริมาณของเชื้อ HIV และต้องพยายามดูแลตนเองให้สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายไป แล้วมีเม็ดเลือดขาว ‘CD4’ (เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค) ในจำนวนที่มากขึ้น ทว่าการใช้ยาต้านไวรัสนั้นก็อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้มากมาย รวมถึงในผู้ป่วยบางรายนั้น หากใช้ไปถึงจุดหนึ่งหรือกินยาไม่ตรงเวลาก็อาจจะเกิดอาการดื้อยาขึ้นมาได้ด้วย ซึ่งแนวทางในการรักษาโดยมุ่งควบคุมปริมาณ HIV ให้น้อยลงโดยรับประทานยาต้าน และพยายามเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 นั้น ถือเป็นวิธีการมาตรฐานที่ปฏิบัติกันในวงการแพทย์ปัจจุบัน

 

ทว่าสิ่งที่นักวิจัยของ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จํากัด มหาชน หรือ APCO (Asian Phytoceuticals Public Company Limited) ซึ่งนำโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กลับมุ่งที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยโรค AIDS ด้วยวิธีการที่ต่างกัน นั่นคือแทนที่จะมุ่งลดจำนวนเชื้อ HIV กลับใช้ ‘การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง’ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันไปจัดการกับเชื้อ HIV แทน ซึ่งเป็นวิธีการที่เรียกว่า ‘ภูมิคุ้มกันบำบัด’ (Immunotherapy)

 

HIV Functional Cure

 

“จากหลักการที่ว่าหากภูมิคุ้มกันไม่สมดุล เราก็จะเป็นโรค เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วครับ ที่ APCO เราทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างนวัตกรรมเพื่อดูแลสุขภาพของผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันไม่สมดุลมาโดยตลอด 

 

“จนกระทั่งวันหนึ่งเราค้นพบว่าเราสามารถดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ด้วยการกระตุ้นเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกัน ‘เซลล์ T พิฆาต’ หรือ ‘Killer T Cells’ ซึ่งเซลล์ตัวนี้ก็คือตัวที่ไปจัดการกับมะเร็งภายในร่างกาย บังเอิญว่าจากการที่ค้นคว้าติดตามวิทยาการเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันมาโดยตลอด ก็ไปพบผลการศึกษาที่พิมพ์เผยแพร่ออกมา ในช่วงปี 2010-2012 ว่าเชื้อ HIV เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว ก็จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว CD4 ชนิด Th17 มากที่สุด ซึ่งเม็ดเลือดขาว Th17 ก็คือตัวที่จะไปกระตุ้น ‘เซลล์ T พิฆาต’ หรือ ‘Killer T Cells’ ดังนั้นในทางทฤษฎี หากเราสามารถกระตุ้นเสริมสร้าง Th17 ได้ก็อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถจัดการกับเชื้อ HIV ได้เช่นเดียวกัน จึงเกิดแนวคิดที่จะนำนวัตกรรมนี้ไปพัฒนาต่อยอดใช้ในการดูแลผู้ป่วย AIDS และผู้ติดเชื้อ HIV นับแต่นั้นมาครับ”

 

HIV Functional Cure

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา

 

ศ.ดร.พิเชษฐ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจในการมุ่งมั่นพัฒนาภูมิคุ้มกันบำบัดด้วยสารสกัดจากพืชกินได้ โดยใช้สารสกัดจากธรรมชาติ 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด, งาดำ, ถั่วเหลือง, ฝรั่ง และใบบัวบก จนเกิดเป็นนวัตกรรม สูตรที่เรียกกันในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ว่า ‘APCOcap’ แล้วขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตั้งแต่นั้นมา (APCOcap ไม่ใช่ชื่อเครื่องหมายการค้าที่ใช้ขึ้นทะเบียน)

 

ทั้งนี้ APCOcap ได้รับการทดสอบจากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นโครงการที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่าเป็นโครงการวิจัยที่มีมาตรฐาน โดยได้ทดลองในกลุ่มอาสาสมัครสุขภาพปกติ พบว่า สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว Th17 และ Th1 ซึ่งเพิ่มอานุภาพการกำจัดเชื้อของ ‘เซลล์ T พิฆาต’ หรือ ‘Killer T Cells’ ให้มีพลังมากขึ้น หลังจากนั้นจึงได้มีการนำไปทดลองใช้เพื่อดูแลอาสาสมัครที่ติดเชื้อ HIV จำนวน 27 รายที่ใช้ยาต้านไวรัสอยู่แล้ว ที่โรงพยาบาลแม่ออน พบว่าผู้ติดเชื้อมี CD4 เพิ่มมากขึ้นหลังจากรับประทาน APCOcap จำนวน 4 แคปซูลต่อวัน ติดต่อกันนาน 6-9 เดือน ในขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินการโครงการวิจัยคู่ขนานที่สารภี และดอยสะเก็ด อีก 21 ราย ซึ่งผลก็คือ CD4 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งกินยาต้านอยู่แล้วเพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นเดียวกัน เฉลี่ย 64% นอกจากนี้ยังพบว่าผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสลดลง และการติดเชื้อฉวยโอกาสก็หายไป ช่วยให้อาสาสมัครมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  

 

เมื่อมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ APCOcap ทาง APCO จึงได้เริ่มโครงการ CSR ที่บ้านแกร์ด้า (มูลนิธิสิทธิเด็ก บ้านแกร์ด้า เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV) ในจังหวัดลพบุรี โดยได้มอบ APCOcap ให้กับเด็กๆ ผู้ติดเชื้อ HIV จำนวน 17 คน ที่ได้ยาต้านไวรัสแล้ว แต่ยังมีโรคแทรกซ้อน เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย และมะเร็ง ผลปรากฏว่าโรคแทรกซ้อนหายไป ในเวลา 2-3 เดือน ในเด็กที่ติดเชื้อ HIV 3 ราย ที่ CD4 ไม่เพิ่มเลย แม้ว่าจะใช้ยาต้านเป็นเวลาต่อเนื่อง 6 เดือน แต่หลังจากรับประทาน APCOcap 9 แคปซูลต่อวัน ติดต่อกัน 3 เดือน เด็กๆ มีปริมาณ CD4 เพิ่มขึ้นถึงเฉลี่ย 32.45% ดังนั้น CD4 ที่เพิ่มขึ้นในเด็กเหล่านี้เกิดจากผลของ APCOcap 

 

ต่อมา APCO จึงได้มอบ APCOcap ให้เด็กๆ ทุกคนในบ้านได้ใช้เพิ่มอีก 50 ราย และใน 50 รายนี้ ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ CD4 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 67% ในเวลา 12 เดือน

 

ปัจจุบันเด็กๆ ที่บ้านแกร์ด้าทั้ง 70 คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีปริมาณ CD4 ในระดับปกติ มีปริมาณเชื้อไวรัส HIV น้อยกว่าที่สามารถวัดได้ (ต่ำกว่า 20 copies/ml.) จนถึงปัจจุบันนี้ APCO ได้มอบนวัตกรรม APCOcap ให้เด็กที่บ้านแกร์ด้าได้ใช้ฟรีเป็นเวลา 6 ปีแล้ว และตั้งใจที่จะให้ได้ใช้ต่อเนื่อง เพื่อให้มีสุขภาพดี และเป็นกำลังสำคัญของสังคมไปตลอดชีวิต 

 

ในปี 2015 องค์การอนามัยโลกได้สรุปว่าการเพิ่มขึ้นของ CD4 มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้ติดเชื้อ HIV มากกว่าการลดลงของจำนวนเชื้อ HIV เพราะเชื้อ HIV ไม่ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิต แต่การที่ CD4 ลดลงต่างหากที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง จนทำให้มีการติดเชื้อฉวยโอกาส อันเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตได้ 

 

ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวว่า แนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อขององค์การอนามัยโลก เป็นแนวทางเดียวกันกับที่ APCO ได้ใช้มาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว และด้วยแนวทางปฏิบัตินี้เอง APCOcap จึงสามารถเพิ่ม CD4 ของผู้ป่วย AIDS จากระดับ 10 Cells/cu.mm. เป็น 500 Cells/cu.mm. ในเวลาเพียงครึ่งปี และกลับมีคุณภาพชีวิตที่แข็งแรงเหมือนคนปกติ

 

นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดด้วยสารสกัดจากพืชกินได้ (APCOcap) เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่ทำให้เกิดภาวะ HIV สงบ (HIV Functional Cure)

 

หลังจากที่ได้มีการศึกษาวิจัยและทดลองมาได้พักใหญ่ ทำให้ทาง APCO เห็นว่า มีความเป็นไปได้ว่า APCOcap อาจจะเป็นนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV แรกของโลกที่ทำให้เชื้อไวรัสลดลงจนไม่สามารถตรวจพบได้ หรืออาจจะไม่มีแล้ว เกิดภาวะที่เรียกว่า ‘ภาวะ HIV สงบ’ หรือ ‘HIV Functional Cure’ ที่ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติต่อเนื่องโดยอาจไม่ใช้ยาต้านไวรัสเลย  

 

ศ.ดร.พิเชษฐ์ ได้กล่าวยกตัวอย่างเคสซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่มีผู้ติดเชื้อ HIV รายหนึ่งตัดสินใจใช้ APCOcap แทนการใช้ยาต้านไวรัส เพราะกลัวว่าจะมีผลข้างเคียง เวลาผ่านไป 1 ปีพบว่า CD4 เพิ่มขึ้นจนถึงระดับปกติ และเชื้อ HIV ลดลงจนตรวจไม่พบ ทั้งยังมีสุขภาพที่แข็งแรงมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน 

 

ประสิทธิภาพการทำให้เกิดภาวะ HIV สงบเช่นนี้ ถือเป็นเป้าหมายใหม่ของบริษัทที่ผลิตยาเกี่ยวกับการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วย AIDS แทนการผลิตยาที่มุ่งกำจัดเชื้อ HIV ไปจนหมดสิ้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นไปได้ยากมาก แต่จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดเลยที่ทำให้เกิด HIV Functional Cure ในมนุษย์ 

 

ในอาสาสมัครรายที่ 2 ที่เข้าสู่ภาวะ HIV สงบ เป็นผู้ติดเชื้อในเดือนธันวาคม ปี 2559 และเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสในปี 2560 แต่ใช้ยาต้านไวรัสอยู่ได้เพียง 2 เดือนก็ต้องหยุดใช้ เพราะไม่สามารถทนกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาต้านไวรัสได้ แล้วแสวงหาผลิตภัณฑ์อื่นที่จะสามารถใช้แทนยาต้านไวรัสได้ ในขณะที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และได้ค้นพบนวัตกรรม APCOcap จึงได้เริ่มใช้เป็นครั้งคราวตามสะดวก แต่ก็ยังทำให้สุขภาพดีขึ้น จนมี CD4 อยู่ที่ 453 cells/cu.mm. (ในระดับปกติค่า CD4 ของผู้ที่ไม่ติดเชื้อ HIV จะอยู่ระหว่าง 500-1,500 cells/cu.mm.) 

 

https://www.youtube.com/watch?v=72WBKMn6Zns

อาสาสมัครรายแรกที่คาดว่าอยู่ในภาวะ HIV สงบ

 

เมื่อได้ข่าวว่าทาง APCO ได้จัดให้มีโครงการ APCO Life Fitness Challenge ซึ่งให้ผู้ติดเชื้อรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ควบคู่กับการรับประทาน APCOcap ในปริมาณ 9 แคปซูลต่อวัน 

 

ผู้ติดเชื้อรายนี้จึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการในเดือนมกราคม ปี 2562 ในขณะที่ก่อนเข้าโครงการมี CD4 = 734 cell/cu.mm. และปริมาณ HIV = 88.2 copies/ml ผลการตรวจเลือดในแต่ละครั้งระหว่างเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เป็นดังนี้

 

HIV Functional Cure

 

นอกจากผู้ป่วยรายดังกล่าวแล้ว ยังมีผู้ติดเชื้ออีกสองราย คืออาสาสมัครรายที่ 3 และ 4 ที่เข้าสู่ภาวะ HIV สงบแล้วในเดือนแรก และอยู่ในระหว่างการติดตามผล ด้วยการตรวจเลือด ซึ่งมีแนวโน้มว่าผลการตรวจจะยืนยันภาวะ HIV สงบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ทาง APCO จึงสรุปว่านวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด HIV ด้วย APCOcap ของ APCO ได้ทำให้ผู้ติดเชื้อในระยะแรกสามารถเข้าสู่ภาวะ HIV สงบได้ โดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส แต่จะต้องดูแลสุขภาพด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ลดอาหารหวาน ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

เป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลกโดยนักวิทยาศาสตร์ไทย

 

HIV Functional Cure

 

“ความหวังและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย HIV

เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และกำลังใจที่ทำให้ผมทำงานนี้”

 

THE STANDARD ถาม ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานต่อสู้กับเชื้อ HIV มาอย่างจริงจังและยาวนาน ว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากไหน จึงคิดจะต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายที่มนุษย์ไม่เคยเอาชนะได้เลยชนิดนี้

ทุกครั้งที่ผมไปที่บ้านแกร์ด้าและได้พบกับเด็กๆ น้ำตาก็จะซึมทุกรอบ คือผมไปที่บ้านแกร์ด้ามาตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว คราวแรกที่ไปนั้นเห็นสภาพเด็กๆ ผอมแห้งแรงน้อยดูไม่แข็งแรง และเป็นโรคติดเชื้อ แต่ตอนนี้ไปดูสิครับ เกือบทุกคนดูเหมือนเด็กปกติ ในโรงเรียนประจำ นี่เป็นทั้งแรงบันดาลใจ กำลังใจ และรางวัลชีวิตให้กับผม เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ความรู้สึกเช่นนี้มันหล่อหลอมและให้กำลังใจเราอย่างแรง กับผู้ป่วยมะเร็งก็เหมือนกัน เมื่อเขาอาการดีขึ้นและมีความหวัง ก็มาแสดงความขอบคุณด้วยการโอบกอดเรา เมื่อไรที่เราโอบกอดผู้ป่วยเหล่านี้ ทั้งเด็กๆ ที่เป็น HIV หรือผู้ป่วยมะเร็งที่เขาเคยหมดความหวังแล้วกลับมามีความหวังด้วยสิ่งที่เราทำ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำงานต่อไปโดยหยุดไม่ได้” 

 

HIV Functional Cure

 

นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดด้วยสารสกัดจากพืชกินได้นี้ จึงเป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพที่ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ซึ่ง THE STANDARD คิดว่าคงต้องติดตามข่าวคราวความก้าวหน้ากันต่อไปว่า วันหนึ่งอาจจะมีข้อมูลยืนยันว่า เขาเหล่านี้ปลอดจากเชื้อ HIV แล้ว

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI
  • HIV ย่อมาจาก Human Immunodeficiency Virus เมื่อเข้าไปในร่างกาย จะเจาะเข้าไปในเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกัน (CD4) แล้วขยายจำนวนด้วยการก๊อบปี้ตัวเอง แล้วทำลาย CD4 และเชื้อ HIV จากเม็ดเลือดขาวที่ถูกทำลาย ก็จะเจาะเข้าไปในเม็ดเลือดขาวใหม่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนในที่สุด CD4 จะลดจำนวนต่ำลง กว่าที่จะป้องกันโรคได้ คือเข้าสู่ภาวะโรค AIDS และติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ เช่น เชื้อวัณโรค ปอดบวม เชื้อรา และมะเร็ง เป็นต้น จนผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ในที่สุด 
  • ในปี 2558 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ รับรองผลงาน APCOcap ให้เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของชาติไทยสำหรับเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS 
  • บทสัมภาษณ์นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการให้สัมภาษณ์ และผลการวิจัยของ APCO ผู้ติดเชื้อควรต้องปรึกษาแพทย์ และศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X