ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งยืนยันว่าทรัมป์มีการร้องขอให้ผู้นำยูเครนตรวจสอบการคอร์รัปชันที่เกี่ยวพันกับบุตรชายของ โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จริง
ทรัมป์กำลังถูกสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบเพื่อถอดถอนจากข้อกล่าวหาที่ว่า เขาพยายามดึงรัฐบาลต่างชาติมาช่วยทำลายคู่แข่งทางการเมือง โดยไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครตัวเต็งของเดโมแครตที่เตรียมชิงชัยเก้าอี้ประมุขทำเนียบขาวในการเลือกตั้งปี 2020
ส่วนหนึ่งของการสนทนานานครึ่งชั่วโมง ทรัมป์พูดกับเซเลนสกีว่า “ผมได้ยินว่าคุณมีอัยการที่เก่งมาก แต่เขาถูกปลดจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ยุติธรรมจริงๆ
“ผู้คนมากมายพูดเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาปลดอัยการมือดีของคุณ และมีคนไม่ดีบางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
ทรัมป์พูดต่อไปว่า “อีกเรื่องคือ มีการพูดถึงกันมากเกี่ยวกับลูกชายของไบเดน ที่ว่าไบเดนหยุดการดำเนินคดีของลูกชาย และมีคนมากมายที่ต้องการค้นหาความจริง เพราะฉะนั้นถ้าคุณสามารถทำอะไรกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (สหรัฐฯ) ได้ จะเยี่ยมมาก
“ไบเดนคุยโวถึงการหยุดการฟ้องร้อง เพราะฉะนั้นถ้าคุณสามารถเข้าไปดูเรื่องนี้ได้ละก็… เพราะมันเลวร้ายสำหรับผมมาก” ทรัมป์กล่าว
ซึ่งเซเลนสกีตอบกลับว่า “เราจะจัดการเรื่องนี้และจะดำเนินการสอบสวนกรณีนี้”
ในเดือนกรกฎาคม ทรัมป์สั่งระงับการมอบเงินช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครน ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะโทรคุยกับเซเลนสกีเพื่อขอให้สืบสวนกรณีทุจริตของฮันเตอร์ ไบเดน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยืนกรานปฏิเสธว่าเขาไม่ได้นำเงินส่วนนี้ไปกดดันรัฐบาลยูเครนให้ทำตามข้อเรียกร้องของตนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มีบทบัญญัติมาตรา 2 หมวด 4 ที่เปิดทางให้สามารถถอดถอนประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่งได้ หากมีความผิดฐานกบฏต่อชาติ ติดสินบน หรือก่ออาชญากรรมร้ายแรง หรือความผิดทางอาญาอื่นๆ แต่การถอดถอนต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และคะแนนเสียง 2 ใน 3 ในวุฒิสภา
ซึ่งในอดีตเคยมีกระบวนการพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน และบิล คลินตัน แต่ทั้งคู่รอดในขั้นตอนการโหวตที่สภาสูง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: