โจนาธาน แวน เนส หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม The Fab Five ของรายการสุดฮิต Queer Eye ได้เผยอย่างหมดเปลือกในหนังสือชีวประวัติเล่มใหม่ที่ชื่อ Over The Top ว่าเขามีเชื้อ HIV พร้อมเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตด้านมืดต่างๆ ที่พัวพันมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งมีทั้งเรื่องการติดเซ็กซ์และติดยาเสพติด
ก่อนหนังสือ Over The Top ของ แวน เนส จะวางขายในวันที่ 24 กันยายนนี้ที่สหรัฐอเมริกา เขาก็ได้พูดคุยกับ The New York Times ถึงประเด็นต่างๆ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ตอนที่ แวน เนส เพิ่งเป็นเด็กวัยรุ่นและถูกล่วงละเมิดทางเพศจากผู้ชายคนหนึ่งในโบสถ์ที่เมืองควินซี รัฐอิลลินอยส์ ที่เขาเกิดและเติบโตภายในครอบครัวที่เป็นเจ้าของกิจการสื่อ โดยเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ แวน เนส เสียหลักและติดการมีเซ็กซ์กับผู้ชายแบบลับๆ ซึ่งเขามักจะติดต่อและนัดเจอกันผ่านห้องแชต AOL ที่ใช้กันในยุค 90 โดยในตอนนั้นพ่อเลี้ยงของเขาที่สนิทด้วยก็เสียชีวิต ทำให้ แวน เนส เริ่มหันไปกินแต่อาหารฟาสต์ฟู้ดจนน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่า 40 กิโลกรัมภายใน 3 เดือน
แต่ปัญหาก็ลุกลามมากขึ้นเมื่อ แวน เนส ได้เรียนต่อที่ University of Arizona และใช้เงินเดือนกว่า 200 ดอลลาร์ที่ได้จากทางบ้านหมดไปกับการเสพโคเคนในช่วงวันหยุด เพราะความละอายใจที่จะต้องขอเงินเพิ่มจากที่บ้าน แวน เนส จึงตัดสินใจหาเงินเพื่อเสพโคเคนด้วยการขายบริการผ่านเว็บไซต์ Gay.com
ต่อมา แวน เนส ก็ถูกรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัยหลังจากเรียนไปได้แค่ 1 ปี และเขาตัดสินใจไปเข้าคอร์สด้านความงามที่ Aveda Institute โดยหลังได้ใบรับรองเขาก็ย้ายไปลอนแอนเจลิส และได้เป็นผู้ช่วยที่ร้านเสริมสวยชื่อดัง Sally Hershberger
แต่ถึงแม้การงานจะดูไปได้ดีในช่วงวัย 20 ต้นๆ แต่ แวน เนส ก็ยังติดยาเสพติดและการมีเซ็กซ์ ซึ่งมันก็ทวีคูณขึ้นหลังจากที่เขาได้เจอคู่ผ่านแอปพลิเคชัน Grindr และถูกชักชวนให้ลองเสพยาไอซ์ โดย แวน เนส ก็พยายามไปศูนย์บำบัดถึง 2 ครั้งเพื่อรักษาตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
เมื่ออายุ 25 ปี แวน เนส เป็นลมในร้านเสริมสวยขณะกำลังทำสีผมให้ลูกค้าคนหนึ่ง เขาจึงไปตรวจเลือดที่ Planned Parenthood และพบว่าตัวเองมีเชื้อ HIV เมื่อได้ทราบข่าวนี้เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตและหยุดการใช้ยาเสพติด (ยกเว้นกัญชาที่ยังเสพอยู่) ซึ่งจนถึงวันนี้เขาก็ยังแข็งแรงดี
แวน เนส ได้บอกกับ The New York Times ว่าต่อไปเขาอยากจะเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงสำคัญให้กลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV เพื่อไม่ให้ถูกเหยียดหยามในสังคม โดยเฉพาะในยุคที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี และสิทธิของ LGBTQ+ ในสหรัฐอเมริกาถูกปิดกั้นและเดินถอยหลัง โดยเราเชื่อว่าต่อไปทั้งในรายการ Queer Eye หรือตอนที่ แวน เนส ไปให้สัมภาษณ์ตามรายการต่างๆ เขาก็จะเริ่มพูดถึงประเด็น HIV มากยิ่งขึ้น และทำให้เห็นว่าประเด็นนี้ควรมีการพูดถึงอย่างกว้างขวางในกระแสหลักแบบไม่ต้องเกรงกลัว และควรสนับสนุนเพื่อนมนุษย์ที่อาจทำผิดพลาด แต่ก็ยังต้องสู้ชีวิตต่อไป
ภาพ: Charley Gallay / Getty Images for Netflix
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: