ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนรอบใหม่ในวันนี้ (12 ก.ย.) โดยมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.10% สู่ระดับ -0.5% พร้อมกลับมาดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการซื้อพันธบัตรอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่เข้าเป้า
การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี มีมติลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.10% จากระดับ -0.4% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับจากเดือนมีนาคม 2016
นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณที่จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม หรือคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นเวลานานกว่าที่ทางธนาคารคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ในแถลงการณ์หลังการประชุม ECB ระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปจะอยู่ในระดับที่เป็นอยู่ หรือลดลงจากนี้จนกว่า ECB จะเห็นทิศทางเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย 2% อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ทางธนาคารกลางยังเตรียมกลับมาซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ วงเงินเดือนละ 2 หมื่นล้านยูโร นับจากเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อพันธบัตรครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ECB อาจซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ วงเงินเดือนละ 3 หมื่นล้านยูโร (3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน
ก่อนหน้านี้ ECB ซื้อพันธบัตรรวมมูลค่า 2.6 ล้านล้านยูโร ในช่วงเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยหนุนราคาพันธบัตรให้ปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็กดอัตราผลตอบแทนต่ำลง หลังจากที่ราคาและอัตราผลตอบแทนขยับสวนทางกับที่คาดหวังไว้
การดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกของ ECB ครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดี โดยอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงเคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมาย ขณะที่ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ของยุโรปก็มีแนวโน้มหดตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: