วันนี้ เวลา 11.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว ที่มี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และภูมิ สาระผล เป็นจำเลยและพวก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการอ่านคำพิพากษาซึ่งเริ่มในเวลา 11.20 น. โดยมีการเบิกตัวบุญทรงจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าฟังคำพิพากษาท่ามกลางนักการเมืองคนสนิท ญาติๆ รวมทั้ง เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุตรชายของบุญทรงมาให้กำลังใจด้วย
โดยเมื่อช่วงเช้า ก่อนศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา นรินทร์ สมนึก ทนายความของบุญทรงเปิดเผยว่า จำเลยในคดีทุกคนได้ขออุทธรณ์คำพิพากษาและหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากศาล เช่นเดียวกับอัยการสูงสุดที่ขออุทธรณ์เพิ่มโทษผู้ต้องหาบางรายเช่นกัน ขณะที่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา บุญทรงมีอาการเครียดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เห็นว่าการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐมีการทำสัญญาการขายข้าวแบบมีข้อพิรุธ เนื่องจากบริษัทเอกชนที่เป็นผู้แทนจากจีนไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน แต่เป็นเพียงรัฐวิสาหกิจ เหมือนเป็นพฤติกรรมปล่อยปละละเลย ซ่อนเร้นอำพราง ปิดบังความจริงเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายข้าว เพื่อเอื้อประโยชน์และเปิดช่องทางให้มีข้าวกลับมาหมุนเวียนขายในประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ สร้างความเสียหายให้กับประเทศ 16,000 ล้านบาท
โดยศาลได้พิพากษาจำคุก บุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นระยะเวลา 42 ปี และสั่งจำคุก ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 36 ปี มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 40 ปี เสี่ยเปี๋ยง-อภิชาติ จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ 48 ปี พร้อมพวกรวมทั้งหมด 28 คน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์