เมื่อวานที่ผ่านมา (18 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศแผนยืดช่วงเวลาการเกษียณอายุออกไปจากเดิม 62 ปี เป็น 65 ปี อีกทั้งอนุญาตให้ต่ออายุการจ้างงาน หรือการจ้างงานใหม่ได้ถึงอายุ 70 ปี จากเดิม 67 ปี และเพิ่มอัตราการสมทบกองทุนบำเหน็จบำนาญ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและสังคมผู้สูงอายุ ก่อนจะส่งต่ออำนาจให้แก่ผู้นำคนใหม่ในการเลือกตั้งปี 2021
ปัจจุบันสิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่พลเมืองมีอายุขัยยืนยาวมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก หรือเกือบ 85 ปี อีกทั้งยังมีพลเมืองที่อายุเกิน 100 ปีขึ้นไปราว 1,300 คน จากพลเมืองไม่ถึง 6 ล้านคน รัฐบาลสิงคโปร์จึงปรับตัวให้สอดรับกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยได้ทุ่มงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินนโยบายเพื่อกลุ่มคนผู้สูงอายุสูงถึง 6.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.4 แสนล้านบาท) โดยเฉพาะการสนับสนุนสวัสดิการด้านสาธารณสุข
นอกจากนโยบายดังกล่าวแล้ว สิงคโปร์ยังเตรียมแผนการแก้ไขปัญหาระบบการระบายน้ำของประเทศ ให้เตรียมพร้อมกับสถานการณ์ภัยพิบัติฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังจะสนับสนุนโรงเรียนเตรียมอนุบาล เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการศึกษาให้แก่เด็กสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์อาจส่งต่ออำนาจในการบริหารประเทศให้แก่ผู้นำคนที่ 4 ของประเทศในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะจัดขึ้นภายในวันที่ 15 เมษายน 2021 หลังจากนั่งเก้าอี้ผู้นำมานานแล้วกว่า 15 ปี
ภาพ: Mikhail Metzel / TASS via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- www.bloomberg.com/news/articles/2019-08-18/singapore-to-work-longer-build-higher-as-lee-looks-to-hand-over
- www.bloomberg.com/news/articles/2019-07-12/singapore-minister-says-economy-a-key-issue-as-elections-loom
- www.thestar.com.my/business/business-news/2019/08/19/singapore-to-raise-retirement-age-with-power-transition-approaching
- mothership.sg/2019/08/national-day-rally-2019/