ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ประกาศแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยเตรียมปลดพนักงานของบริษัทมากกว่า 4,000 ตำแหน่ง หรือเทียบเป็นสัดส่วน 2% ของพนักงานในองค์กรทั้งหมด ณ ปัจจุบัน (ส่วนใหญ่จะกระทบกับบุคลากรระดับผู้จัดการอาวุโส) หลังอดีตซีอีโอลูกหม้ออย่าง จอห์น ฟลินต์ (John Flint) ยอมลาออกจากตำแหน่งด้วยความสมัครใจ แม้จะเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้ไม่ถึง 18 เดือนก็ตาม
เบื้องต้นคาดว่าเอชเอสบีซีจะต้องชดเชยเงินทั้งหมดในมูลค่า 650-700 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง โดยเอชเอสบีซีให้เหตุผลของแผนการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้ว่าเป็นไปเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลดต้นทุนค่าดำเนินการของบริษัท และเพื่อให้ธนาคารสามารถทำกำไรตามเป้าหมายในอนาคตอันใกล้ โดยฟลินต์ถือเป็นบุคลากรที่ทำงานกับเอชเอสบีซีมานานกว่า 32 ปีเต็ม ซึ่งในระหว่างการสรรหาผู้บริหารคนใหม่ โนเอล ควินน์ (Noel Quinn) จะขึ้นมารับตำแหน่งรักษาการซีอีโอชั่วคราว
ด้าน มาร์ก ทัคเกอร์ (Mark Tucker) ประธานบริหารเอชเอสบีซี กล่าวว่า กลยุทธ์การปรับโครงสร้างองค์กรที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นไปตามความท้าทายและความซับซ้อนของสภาพแวดล้อมโลก โดยเฉพาะในสายงานบริหารธนาคาร โดยบอร์ดบริหารของเอชเอสบีซีเชื่อว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้สอดรับกับความท้าทายที่ธนาคารกำลังเผชิญและคว้าโอกาสสำคัญที่วิ่งเข้ามา
ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วระบุว่า เอชเอสบีซีมีจำนวนพนักงานในองค์กรมากกว่า 235,000 ราย โดยมีรายได้ทั้งสิ้นกว่า 53,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ราว 4.6% (รายรับเอชเอสบีซี: 51,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: