สามีภรรยาชาวจีนคู่หนึ่งที่มีลูกสาวถึง 7 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) ทางตอนใต้ของจีน ถูกกล่าวหาว่ายอมจ่ายเงินกว่า 92,000 หยวน (หรือราว 4.65 แสนบาท) เพื่อแลกกับการลักพาตัวหรือขอซื้อทารกเพศชาย เพื่อหวังที่จะต่ออายุให้กับสกุลของตนเอง
สังคมจีนเป็นสังคมหนึ่งที่เคร่งครัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา คติความเชื่อของการนิยมมีลูกชายถูกฝังรากลึกอยู่ในสังคมนี้นับตั้งแต่อดีต และได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายลูกคนเดียว (One Child Policy) ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนระหว่างเพศชายและเพศหญิงในสังคมจีนเสียสมดุล นอกจากเหตุผลหลักในเรื่องของการสืบสกุลเเล้ว ปัจจัยเรื่องแรงงานและผลิตผลที่ตามมาจากการมีลูกชายก็ดูเหมือนจะช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเขาได้มากกว่าการมีลูกสาว ซึ่งจะต้องแต่งงานออกไปและกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฝ่ายสามีในที่สุด
ในแต่ละปีมีเด็กหลายหมื่นคนหายตัวไปในประเทศจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชาย อีกทั้งขบวนการลักพาตัวเด็กและลักลอบค้ามนุษย์นี้มักจะดำเนินการภายในประเทศ โดยมีผู้ติดต่อขอซื้อเป็นชาวจีนด้วยกันเอง
คู่สามีภรรยาดังกล่าวให้การต่อศาลว่า ตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ดังกล่าว ตนเพียงลงชื่อในเอกสารรับบุตรบุญธรรม พร้อมทั้งจ่ายเงินบางส่วนสำหรับค่าเลี้ยงดูเด็กก่อนหน้านี้ ด้านสามีให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์ท้องถิ่นของจีนว่า ตนยอมจ่ายเงิน แลกกับตัวเด็กชาย เพื่อต้องการให้ครอบครัวของตนมีทายาทสืบสกุลต่อไป เนื่องจากตนมีแต่ลูกสาว
ซึ่งในขณะนี้มณฑลกวางตุ้ง มีสามีภรรยากว่า 8 คู่ที่ถูกกล่าวว่า มีส่วนพัวพันกับคดีค้ามนุษย์
สำนักข่าว Caixin ของจีนเผยข้อมูลที่น่าตกใจ พบว่ามากกว่าครึ่งของคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้าเด็กมาจากความยินยอมของพ่อแม่ของเด็กเองด้วย ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากแรงขับและความจำเป็นทางด้านสถานะทางเศรษฐกิจ
กรณีการลักพาตัวเด็กและลักลอบค้ามนุษย์ในจีนที่พบมากสุดคือ เด็กเพศชายอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่มักจะถูกขายเพื่อแลกกับการรับเป็นบุตรบุญธรรม รองลงมาคือ เด็กผู้หญิงอายุระหว่าง 14-18 ปี ที่มักจะถูกขายและตกเป็นเหยื่อกามาอารมณ์
Photo: AFP
อ้างอิง: