- ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ชะลอตัว จับตา PMI สหรัฐฯ ยุโรป คืนนี้ โดยเมื่อคืนนี้มีประกาศยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐฯ (Existing Home Sales) เดือนมิถุนายน ซึ่งอยู่ที่ 5.27 ล้านหลัง ลดลง 1.7% (MoM) ส่วนคืนนี้ต้องติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) เดือนกรกฎาคมของสถาบัน Markit ทั้งของเยอรมนี สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยนักวิเคราะห์คาดว่า PMI ของเยอรมนีและยุโรป ยังคงเคลื่อนไหวในแดนหดตัวที่ 45.2 และ 47.6 จุด ตามลำดับ ส่วนของสหรัฐฯ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.6 จุด
- สหรัฐฯ-จีน ตอบโต้กันอีกครั้ง แม้เตรียมเจรจาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และโรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เตรียมเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจากับหลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งจะถือเป็นการเจรจาครั้งแรกนับตั้งแต่การพบกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ในที่ประชุมซัมมิต G20 เมื่อเดือนก่อน ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่าสหรัฐฯ ได้ทำการคว่ำบาตรบริษัท จูไห่ เจิ้นหรง ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัฐบาลจีน หลังละเมิดข้อกำหนดสำหรับภาคอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนเริ่มสอบสวนประเด็นการทุ่มตลาดสารโพรพานอลที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ที่ใช้สำหรับทำละลายหมึกพิมพ์สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร และผลิตยาปฏิชีวนะ
- สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (0.24%) หลังตลาดกังวลการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรของบอริส จอห์นสัน เพราะท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสหภาพยุโรป ทำให้มีโอกาสที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวจาก EU ได้ไร้ข้อตกลง โดยจอห์นสันถือเป็นผู้รณรงค์คนสำคัญให้สหราชอาณาจักรถอนตัวจากสหภาพยุโรป และที่ผ่านมาเขายืนกรานว่าจะให้สหราชอาณาจักรแยกตัวตามกำหนดเส้นตายวันที่ 31 ตุลาคมนี้ แม้ไม่มีข้อตกลงก็ตาม ขณะเดียวกันเขาก็คัดค้านการจัดการลงประชามติ Brexit รอบใหม่ด้วย
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.2% จากเดิมที่ระดับ 3.3% เมื่อเดือนเมษายน และต่ำกว่าระดับ 3.5% ที่คาดไว้ในเดือนมกราคม โดยสาเหตุสำคัญคือความเสี่ยงหลักที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ประกอบด้วย ความไม่แน่นอนจากปัญหา Brexit, ความตึงเครียดทางการค้า, การกีดกันทางเทคโนโลยี และการลงทุนที่ชะลอตัว ขณะที่จีนและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ถูกปรับลดประมาณการเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวที่ 6.2% และ 4.1% ลดลง 0.1% และ 0.3% ตามลำดับ
- Coca-Cola และ Visa ประกาศผลประกอบการดีเกินคาด โดยเมื่อคืนนี้ราคาหุ้น Coca-Cola บริษัทน้ำดำระดับโลกจากสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นกว่า 2% แตะระดับสูงสุดในรอบปี หลังเผยผลประกอบการไตรมาส 2 มีรายได้เพิ่มขึ้น 6% (YoY) อยู่ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าคาดที่ระดับ 9,790 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้น 4% (YoY) สู่ระดับ 0.63 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 0.62 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ส่วน Visa บริษัท Payment Gateway ชั้นนำ เผยรายได้เพิ่มขึ้น 11% (YoY) สู่ระดับ 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าคาดที่ระดับ 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐร์ ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้น 14% (YoY) อยู่ที่ 1.37 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.32 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Visa ปรับตัวลงประมาณ 0.50% ในตลาดหลังเวลาทำการปกติ
สภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาสดใส ขานรับรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2562 ของหลายๆ บริษัททั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับปัจจัยบวกจาก 80% ของ 104 หุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศตัวเลขออกมาดีเกินคาด พร้อมขานรับข่าวการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ และภาวะ Government Shutdown ที่มักสร้างผลกระทบต่อ GDP สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นโดดเด่นเมื่อวานนี้ หลังผลประกอบการกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ออกมาดี แต่ถึงกระนั้นกลุ่มที่หนุนตลาดวานนี้กลับเป็นกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ยุโรป (STOXX Europe 600 Automobiles & Parts Index) ซึ่งปรับตัวขึ้นถึง 4% ประกอบกับกระแสคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ส่งผลให้ STOXX600 ปิดที่ 391.54 เพิ่มขึ้น 3.80 (+0.98%) ถึงแม้มีแนวโน้มที่จะเกิด No-deal Brexit สูงขึ้น หลังบอริส จอห์นสัน เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ก็ตาม
ยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 391.54 เพิ่มขึ้น 3.80 (+0.98%)
- DAX ปิดที่ 12,490.74 เพิ่มขึ้น 201.34 (+1.64%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,556.86 เพิ่มขึ้น 41.93 (+0.56%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21,954.66 เพิ่มขึ้น 218.96 (+1.01%)
เอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,724.60 ลดลง 33.40 (-0.14%)
- KOSPI ปิดที่ 2,093.34 ลดลง 1.02 (-0.05%)
- Shanghai ปิดที่ 2,101.45 เพิ่มขึ้น 8.11 (+0.39%)
- Hang Seng ปิดที่ 28,466.48 เพิ่มขึ้น 95.22 (+0.34%)
- BSE Sensex ปิดที่ 37,982.74 ลดลง 48.39 (-0.13%)
- Nikkei ปิดที่ 21,620.88 เพิ่มขึ้น 204.09 (+0.95%)
- SET ปิดที่ 1,724.87 ลดลง 2.76 (-0.16%)
อเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 27,350.34 เพิ่มขึ้น 178.44 (+0.66%)
- S&P500 ปิดที่ 3,005.10 เพิ่มขึ้น 20.07 (+0.67%)
- NASDAQ ปิดที่ 8,251.40 เพิ่มขึ้น 47.27 (+0.58%)
Commodities
- ราคาน้ำมัน WTI ปิดที่ 56.93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.71 (+1.26%)
- ราคาน้ำมัน BRENT ปิดที่ 64.00 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.74 (+1.17%)
- ราคาทองคำ COMEX ปิดที่ 1,417.35 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 9.55 (-0.66%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- efinanceThai
- AlphaStreet