×

วิชาตลาดนักเตะ 101 ฉบับยูเวนตุส

18.07.2019
  • LOADING...
juventus transfer

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ฤดูกาลก่อนยูเวนตุสได้ คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ที่ดีและดังที่สุด 1 ใน 2 คนของโลกไปร่วมทีม มาถึงปีนี้ก่อนจะเซ็น เดอ ลิกต์ ยูเวก็ได้ อารอน แรมซีย์, อาเดรียง ราบิโอต์ และจิอันลุยจิ บุฟฟอน ที่กลับสู่ทีมเก่าอีกครั้ง
  • ในขณะที่หลายสโมสรจดจ่ออยู่กับการทุ่มเงินเพื่อซื้อผู้เล่นระดับสตาร์มาร่วมทีม ยูเวนตุสกลับโฟกัสในเรื่องของการรอ ‘ช้อน’ ผู้เล่นระดับสตาร์ฝีเท้าดีที่ถูกมองข้ามจากสโมสรอื่น
  • ความเก่งกาจของยูเวนตุสไม่ได้อยู่เพียงแค่การหว่านล้อมให้ผู้เล่นยินดีจะยอมรับข้อเสนอของพวกเขาและย้ายมาร่วมทีม โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องควักกระเป๋าหรือเซ็นเช็คมูลค่ามหาศาล แต่ยังรวมถึงการหาประโยชน์จากผู้เล่นได้ถึงขีดสุดด้วย
  • ไม่ใช่แค่จะรอคว้าตัวนักเตะฟรี แต่ยูเวนตุสพร้อมจ่ายมหาศาลเหมือนการจ่ายเงินมากถึง 100 ล้านยูโร เพื่อแลกกับโรนัลโดที่วัยล่วงถึง 32 ปีแล้ว เพราะมองผลประโยชน์จากการจำหน่ายเสื้อแข่งหรือสินค้า รวมถึงเรื่องของโอกาสที่จะได้รับสปอนเซอร์มากขึ้น ภาพลักษณ์ แบรนดิ้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้

ในวงการฟุตบอลเวลานี้มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ครับว่า ทำไมใครๆ ก็ไปยูเวนตุส

 

ล่าสุดคือ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ปราการหลังที่เป็นความมหัศจรรย์คนใหม่ของวงการฟุตบอลเลือกที่จะย้ายมาเล่นให้กับแชมเปี้ยนของอิตาลี ซึ่งล่าสุดเดินทางมาถึงที่ตูริน เข้ารับการตรวจร่างกาย และเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้

 

เอาเข้าจริงการย้ายทีมครั้งนี้ก็เป็นการย้ายทีมที่มาแบบงงๆ เหมือนกันครับ เพราะก่อนหน้านี้มีหลายสโมสรที่มีข่าวอยากได้ตัวกองหลังที่ได้เป็นกัปตันทีมอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ตั้งแต่อายุ 19 ปี และถูกมองว่าจะเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกคนต่อไป ซึ่งแต่ละทีมก็ล้วนแต่เป็นทีมระดับมหาอำนาจของวงการฟุตบอลทั้งสิ้น

 

บาร์เซโลนาเป็นทีมแรกที่เป็นตัวเต็ง และถึงขั้นมีข่าวว่าบรรลุข้อตกลงกับอาแจกซ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม ในช่วงไล่เลี่ยกับที่ได้ตัว แฟรงกี เดอ ยอง กองกลางที่เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์จากแดนกังหันลม ซึ่งเหลือเพียงการเจรจากับตัวเดอ ลิกต์ เท่านั้น 

 

อย่างไรก็ดี ความประมาทของบาร์ซาทำให้พวกเขาเสียท่า มิโน ไรโอลา เอเยนต์มือทองที่มองเห็นโอกาสจะทำเงินให้กับตัวเขาเอง และตัวของเดอ ลิกต์ได้มากขึ้น ด้วยการทำให้เกิดสถานการณ์ที่มีหลายสโมสรระดับท็อปแย่งตัวกันเพื่อปั่นค่าตัวขึ้น โดยมีการโยงชื่อของลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และปารีส แซงต์ แชร์กแมง เข้ามาเกี่ยวข้อง

 

แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นยูเวนตุสที่ได้ตัวไปร่วมทีม โดยค่าตัวในการย้ายทีมก็ไม่ได้สูงนักที่ 70 ล้านยูโร น้อยกว่าเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ย้ายไปลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 90 ล้านยูโร และลูคัส เอร์นานเดซ ที่ย้ายไปบาเยิร์น มิวนิค 80 ล้านยูโร ไม่นับแฮร์รี แม็กไกวร์ ที่คาดว่าจะทำลายสถิติโลกของกองหลัง หากการย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุล่วง

 

juventus transfer

 

สำหรับค่าเหนื่อยของ เดอ ลิกต์​ อยู่ที่ปีละ 14 ล้านยูโร หรือประมาณ 270,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (เป็นเหตุผลที่ทำให้บาร์ซาขอถอนตัว)

 

ตัดเรื่องตัวเลขเงินๆ ทองๆ ออกไปก่อน ผมเชื่อว่าการย้ายทีมครั้งนี้น่าจะทำให้แฟนบอลของหลายๆ ทีมอดอิจฉายูเวนตุสไม่ได้ว่า ทำไมพวกเขาจึงมักจะได้แต่ผู้เล่นดีๆ ไปร่วมทีมเสมอ

 

ฤดูกาลก่อนพวกเขาได้ คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ที่ดีและดังที่สุด 1 ใน 2 คนของโลกไปร่วมทีม มาถึงปีนี้ก่อนจะเซ็น เดอ ลิกต์ ยูเวก็ได้ อารอน แรมซีย์, อาเดรียง ราบิโอต์ และจิอันลุยจิ บุฟฟอน ที่กลับสู่ทีมเก่าอีกครั้ง

 

ไม่นับสตาร์อีกหลายคนก่อนหน้านี้ที่ล้วนเป็นของดีที่ได้ตัวมาแบบฟรีๆ อย่าง เอ็มเร ชาน, คิงส์ลีย์ โกม็อง, ดานี อัลเวส, อันเดรีย ปิร์โล, พอล ป็อกบา หรือบางครั้งก็ได้ตัวมาแบบถูกเหลือเชื่อ เช่น แบลส มาตุยดี จากเปแอสเช ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร

 

ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งสโมสรแห่งนี้เคยถูกตัดสินให้ตกชั้นลงไปสองดิวิชันจากความผิดคดีล้มบอล ซึ่งเป็นคดีที่ร้ายแรงอย่างมาก จนหลายคนคิดว่ามหาอำนาจของวงการฟุตบอลอิตาลีทีมนี้คงไม่มีวันจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

 

ยูเวนตุสทำแบบนี้ได้อย่างไร มีวิธีคิดอย่างไร มาลองดูกันครับ

 

1. มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม

สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติพิเศษที่สุดของยูเวนตุสในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และกลายเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ และความได้เปรียบให้กับพวกเขาอย่างมากมายมหาศาลครับ

 

ในขณะที่หลายสโมสรจดจ่ออยู่กับการทุ่มเงินเพื่อซื้อผู้เล่นระดับสตาร์มาร่วมทีม โดยที่ตัวเลขเงินค่าตัวที่ต้องจ่ายในแต่ละฤดูกาลที่ผ่านไปนั้นมีแต่ขึ้นอย่างบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ยูเวนตุสกลับโฟกัสในเรื่องของการรอ ‘ช้อน’ ผู้เล่นระดับสตาร์ฝีเท้าดีที่ถูกมองข้ามจากสโมสรอื่น

 

นักเตะรายแรกที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของสโมสร เรียกว่าพลิกโชคชะตาให้ทีมจากตูรินคือ อันเดรีย ปิร์โล สถาปนิกลูกหนังผู้มีเท้าชั่งทอง โดยในปี 2011 ยูเวคว้าตัวปิร์โลมาได้แบบฟรีๆ จากเอซี มิลาน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของสโมสร

 

juventus transfer

 

ในวันนั้นปิร์โลอยู่ในวัยล่วง 32 ปี ซึ่งตามธรรมชาติของสโมสรฟุตบอลแล้วพวกเขาจะบ่ายเบี่ยงในการเสนอสัญญาใหม่ให้ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่เก่งหรือมีความสำคัญกับทีมมากแค่ไหน ดีที่สุดที่เสนอให้คือสัญญาในระยะเวลาแค่ 1 ปี ซึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับปิร์โล ที่ยังเชื่อว่าเขามีดีพอที่จะเล่นในระดับสูงสุดได้อีกหลายปี

 

ขณะที่มิลานเสนอสัญญาให้แค่ 1 ปี ยูเวกลับมองว่าปิร์โลยังเล่นได้สบายๆ อีกหลายปี จึงเสนอสัญญาระยะเวลา 3 ปีให้ ทำให้ตำนานลูกหนังอิตาลีพอใจ และตัดสินใจจะปฏิเสธสัญญาของมิลานเพื่อย้ายมาเล่นในตูรินแทน

 

การย้ายทีมของปิร์โลเป็นการย้ายขั้วอำนาจจากมิลานมาสู่ตูรินด้วย และในเวลาเดียวกันมันกลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้เล่นระดับสตาร์อีกหลายคนที่เคยอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสโมสรเดิม หรือพบทางตันที่อื่น พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะเจอประตูบานใหม่ที่ตูรินเสมอ

 

เหมือนเช่น ซามี เคดิรา ที่ตกระกำลำบากกับเรอัล มาดริด ให้เลือกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับยูเวนตุส หรือ พอล ป็อกบา สตาร์ดาวรุ่งที่เป็นเพชรรอการเจียระไน เชื่อว่าเขาควรจะย้ายมาอยู่กับยูเวนตุสเพื่อชุบตัว ดีกว่าจะรอโอกาสลมๆ แล้งๆ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

ยังมีสตาร์อีกมากมายหลายคนที่เลือกจะเดินตามรอยมาสู่ยูเวนตุส มองเห็น ‘คุณค่า’ ในตัวของพวกเขา และทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ได้นักเตะ free-transfer ดีที่สุดและมากที่สุด โดย 9 ปีหลังมานี้พวกเขาคว้านักเตะในลักษณะนี้รวมถึง 15 คน

 

2. ลดความเสี่ยงให้ต่ำสุด สร้างประโยชน์ให้สูงสุด

ความเก่งกาจของยูเวนตุสไม่ได้อยู่เพียงแค่การหว่านล้อมให้ผู้เล่นยินดีจะยอมรับข้อเสนอของพวกเขาและย้ายมาร่วมทีม โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องควักกระเป๋าหรือเซ็นเช็คมูลค่ามหาศาล แต่ยังรวมถึงการหาประโยชน์จากผู้เล่นได้ถึงขีดสุดด้วย

 

มีกรณีตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้สองรายด้วยกันครับ รายแรกคือ คิงส์ลีย์ โกม็อง ปีกสตาร์ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสที่ตัดสินใจทิ้งอนาคตที่ปารีส เพราะไม่อาจฝ่าด่านสตาร์ระดับเวิลด์คลาสหรือระดับท็อปอย่าง เอดินสัน คาวานี, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ฮาเวียร์​ ปาสตอเร หรือ ลูคัส มูรา เพื่อมาค้นหาอนาคตใหม่กับยูเวนตุส โดยไม่ต่อสัญญากับเปแอสเช และย้ายมาอยู่กับยูเวนตุส 

 

อย่างไรก็ดีที่ตูริน แม้เขาจะคว้าสคูเด็ตโต (แชมป์ลีกอิตาลี) และแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้ในฤดูกาลแรก แต่อุปสรรคภายในทีมยูเวนตุสก็ไม่แตกต่างจากเปแอสเช เพราะในแนวรุกยังมี คาร์ลอส เตเบซ, อัลบาโร โมราตา, เฟร์นานโด ยอร์เรนเต, ซิโมเน เปเป ขวางทางอยู่ ทำให้ได้ลงสนามได้ไม่ถึง 20 นัด

 

เช่นนั้นทำให้โกม็องขอเดินทางต่อไปยังบาเยิร์น มิวนิคในสัญญายืมตัวก่อน ซึ่งคราวนี้เขาประสบความสำเร็จทำให้บาเยิร์นขอซื้อตัวอย่างถาวร และตกลงกันได้ที่ 28 ล้านยูโร ซึ่งในทางธุรกิจแล้วเป็นดีลที่ยูเวนตุสประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะได้มาแบบฟรีๆ (มีค่าเซ็นสัญญา ฯลฯ ไม่มากนัก)

 

juventus transfer

 

อีกกรณีที่ถือเป็นสุดยอดคือ พอล ป็อกบา 

 

ป็อกบาเป็นเพชรเม็ดงามของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ประสบปัญหาเหมือนดาวรุ่งทั่วไปที่ยากจะแทรกตัวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ได้ทันที ซึ่งในระหว่างที่กำลังว้าวุ่นใจ ยูเวก็ได้ทำการเจรจาเกลี้ยกล่อมอยู่ลับๆ สุดท้ายก็ได้ตัวมาร่วมทีมแบบฟรีๆ

 

จากจุดนั้นในปี 2012 ป็อกบาก้าวมาเป็นสตาร์ดาวเด่นของทีม และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ทั้งโลกจับตามอง สุดท้ายเมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่ดาวเตะชาวฝรั่งเศสต้องการจะออกเดินทางต่อด้วยการกลับไปสโมสรเก่า ยูเวนตุสก็ได้รับสิ่งตอบแทนเป็นเงินถึง 100 ล้านยูโร

 

นอกเหนือจากกรณีศึกษาทั้งสองกรณีแล้ว ยังมีอีกหลายกรณีที่พวกเขาประสบความสำเร็จ หากไม่ได้เป็นเม็ดเงินก็ได้ใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดจากผู้เล่น ด้วยการใช้ฝีเท้า ประสบการณ์ ในการพาทีมไปสู่ความสำเร็จ โดยที่ทีมไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่อเสี่ยงกับผู้เล่นที่ฝีเท้าไม่สูงเท่าค่าตัว และไม่รู้ว่าจะปรับตัว หรือพัฒนาพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายสโมสรใหญ่เผชิญในเวลานี้

 

ต้องยกความดีความชอบให้แก่ผู้บริหารที่มองขาด และยังมีทีมงานจัดซื้อผู้เล่นที่มีสายตาเฉียบแหลม

 

3. จากที่พักริมทางสู่จุดหมายปลายทาง

แต่ก่อนที่ยูเวนตุสจะกลายเป็นทีมที่ใครๆ อยากย้ายมา พวกเขาก็ต้องใช้เวลาหลายปีเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ และความรู้สึกในสายตาของสตาร์ผู้เล่น เรื่อยไปจนถึงคนในวงการฟุตบอล

 

เหตุผลเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นทีมที่มีเงินถุงเงินถังหรือใช้จ่ายเหมือนสโมสรมหาเศรษฐีอื่นๆ 

 

เรื่องที่จะช่วยได้คือเรื่องของความสำเร็จในสนาม ซึ่งโชคดีที่นับจากปี 2011 พวกเขาโกยแชมป์เซเรียอามาครองทีมเดียวไม่มีแบ่งให้ใครอื่นเลย และด้วยสถานะแชมป์ต่อเนื่อง บวกกับชื่อเสียงประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่อยู่เดิมของสโมสร ทำให้ชื่อของยูเวนตุสค่อยๆ กลับมาเป็นชื่อในใจของเหล่าสตาร์

 

สตาร์ที่เหลือสัญญาระยะเวลาไม่นาน ยังไม่รู้จะไปทางไหนดี ระหว่างสัญญาฉบับใหม่จากสโมสรเดิมก็ยังไม่น่าพอใจ และเหน็ดเหนื่อยในการเจรจา จะรอให้สโมสรใหม่ติดต่อมาขอซื้อตัวถาวรก็เป็นเรื่องยาก การเดินทางสู่ตูริน ตอบรับเงินค่าเซ็นสัญญาก้อนโต และเงินค่าเหนื่อยก้อนใหญ่กลายเป็นทางออกของพวกเขา

 

ถ้าโชคดีมาแล้วรุ่งก็ดีไป เป็นขุนพลของหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป กอบโกยความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม

 

แต่หากไม่ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็นับได้ว่ายูเวนตุสเป็นที่พักริมทาง เป็นที่ชุบตัวให้พวกเขารอคอยข้อเสนอจากทีมอื่นต่อไป

 

อย่างไรก็ดี ยูเวไม่ได้วางสถานะของพวกเขาเอาไว้แค่ที่พักริมทาง แต่พวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองให้เป็นจุดหมายที่เหล่าสตาร์รอคอยที่จะได้ย้ายมาร่วมทีม โดยเริ่มมีสตาร์แห่งอนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ

 

juventus transfer

 

ในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาได้ เอ็มเร ชาน มาจากลิเวอร์พูล มาในปีนี้พวกเขาได้ อารอน แรมซีย์ มาจากอาร์เซนอล และอาเดรียง ราบิโอต์ มาจากเปแอสเช 

 

โดยเชื่อว่าจะมีสตาร์อีกมากมายที่พร้อมย้ายมาสวมชุดขาวดำของพวกเขา แม้กระทั่งป็อกบาที่อยากจะย้ายกลับมาอีกครั้ง

 

4. กล้าจะลงทุนอย่างยิ่งใหญ่เพื่อผลตอบแทนที่ใหญ่ยิ่ง

ถึงจะได้ตัวผู้เล่นชั้นดีมาแบบฟรีๆ มากมาย แต่ยูเวนตุส ไม่ใช่ทีมที่ขี้เหนียวไม่ใช้เงินเลย

 

ในทางตรงกันข้ามเมื่อถึงคราวต้องจ่าย พวกเขาก็พร้อมจ่าย และจ่ายได้มากกว่าหลายสโมสรใหญ่ด้วยซ้ำ

 

เมื่อครั้งที่พวกเขาปล่อยตัวป็อกบาให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยูเวนำเงินส่วนนั้นมาเพื่อใช้เป็นทุนในการซื้อสตาร์ใหม่อย่าง กอนซาโล อิกวาอิน มาจากนาโปลี ในราคา 90 ล้านยูโร และอีก 32 ล้านยูโร เป็นค่าตัวของ มิราเลม เปยานิช จากโรมา 

 

ทั้งสองนอกจากจะเป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังเป็นการตัดกำลังของทีมคู่แข่งอย่างนาโปลีและโรมา ที่กำลังก้าวขึ้นเบียดแย่งสคูเด็ตโต ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ส่งผลให้พวกเขาเป็นทีมอันดับหนึ่งในอิตาลีต่อไป

 

juventus transfer

 

รายต่อมาที่ถือเป็นการทุบสถิติสโมสรที่สะเทือนวงการอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาตกลงยอมจ่าย 100 ล้านยูโรให้กับเรอัล มาดริด เพื่อแลกกับการได้ตัว คริสเตียโน โรนัลโด มาครอบครอง

 

การย้ายทีมของ CR7 เป็นการย้ายทีมที่ไม่มีใครคาดฝัน หรือหากคิดว่าจะมีการย้าย ยูเวนตุสก็ไม่ได้เป็นทีมที่หลายคนเชื่อว่าเขาจะย้ายไป ซึ่งมันควรจะเป็นทีมที่รุ่มรวยเงินทองอย่างเปแอสเช หรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือทีมรักเก่าอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมากกว่า

 

แต่ด้วยการขาย ‘โปรเจกต์’ ที่ทำให้เชื่อว่ายูเวนตุส คือสโมสรที่กำลังก้าวไปสู่การเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกในอนาคตอันใกล้ (ซึ่งก็รวมถึงการที่พวกเขากล้าที่จะรีแบรนดิ้งสโมสรครั้งใหญ่ในระดับ DNA) ไม่เฉพาะเรื่องในสนามที่จะมีโอกาสคว้าแชมป์รายการที่โรนัลโดหวั่นไหวมากที่สุดคือแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ยังมีเรื่องนอกสนามที่เต็มไปด้วยโปรเจกต์มากมาย ทำให้สตาร์ระดับสูงสุดของโลกยอมที่จะย้ายมาเล่นในตูริน

 

ทั้งนี้แม้จะต้องยอมจ่ายเงินมากถึง 100 ล้านยูโร เพื่อแลกกับนักเตะที่วัยล่วงถึง 32 ปีแล้ว แต่ยูเวนตุสเชื่อว่าพวกเขาได้มากกว่าเสีย ไม่เพียงเฉพาะแค่เรื่องง่ายๆ อย่างการจำหน่ายเสื้อแข่งหรือสินค้า ยังมีเรื่องของโอกาสที่จะได้รับสปอนเซอร์มากขึ้น ภาพลักษณ์ แบรนดิ้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้

 

และในปีนี้พวกเขากำลังจะได้ตัว เดอ ลิกต์ เพชรเม็ดงามของวงการฟุตบอลคนที่โหม่งพังประตูให้อาแจกซ์เขี่ยพวกเขาตกรอบ มาร่วมทีม

 

การได้ตัวเดอ ลิกต์ ครั้งนี้อาจไม่ได้ทำลายสถิติค่าตัว ไม่ได้เป็นแค่การทดแทนช่องโหว่ที่อันเดรีย บาร์ซาญี ปราการหลังจอมเก๋าอำลาทีมไป แต่ยังเป็นการประกาศว่าพวกเขาคือสโมสรที่จะมุ่งไปสู่อนาคตอย่างแท้จริง โดยปราการหลังวัย 19 ปีรายนี้คือหัวหมู่ทะลวงฟัน คือผู้นำที่จะแบกอนาคตของทีมเอาไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้า

 

แน่นอนครับว่า เดอ ลิกต์ คงไม่ยอมรับข้อเสนอจากยูเวนตุส หากเขาคิดเรื่องของเงินอย่างเดียว แต่นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าสโมสรแห่งนี้ดีกว่าทีมอย่างบาร์เซโลนา ที่มีเรื่องของการเมืองแทรกแซงค่อนข้างสูง หรือเปแอสเช ที่นอกจากเรื่องเงินแล้วก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าทีมนี้จะเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่กว่ายูเวนตุสได้

 

ทั้ง 4 ข้อคือสิ่งทำให้ยูเวนตุสกลายเป็นทีมที่น่าจับตามองมากที่สุดในเวลานี้ และน่าจะพอตอบคำถามที่หลายคนสงสัยได้บ้างนะครับว่า ทำไมใครๆ ก็ไปยูเวนตุส

 

และเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา กำลังจะกลายเป็นวิชาที่หลายๆ สโมสรเอาไปเรียนรู้และปฏิบัติตาม

 

มากบ้างน้อยบ้าง ผลกระทบของมันกำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดนักเตะในปัจจุบันและอนาคตครับ

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X