นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเดินหน้าต่อ จากอานิสงส์ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่
ตลาดกำลังชั่งน้ำหนักผลบวกและลบ หาก Fed ปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ เพราะการลดดอกเบี้ยหมายถึงการยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัว แม้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนมิถุนายนจะปรับตัวสูงขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจึงเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ได้ตอบสนองมากนัก (เพราะบางคนไม่เชื่อว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนนี้)
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยทิศทางดอกเบี้ยโลกที่น่าจะยืนหรือลดลงในระยะ 12 เดือนข้างหน้า จะหนุน Flow ให้ไหลเข้าตลาด EM อยู่ต่อไป นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ KTBST จึงมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์เช้านี้อยู่ที่ 66.7 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังยืนได้แม้ OPEC จะคาดว่าน้ำมันกำลังเข้าสู่สภาวะ Oversupply โดยนักวิเคราะห์มองว่าตลาดรับรู้ไปแล้วจึงไม่ได้ทำให้สถานการณ์เป็นลบมากขึ้น
ฝั่งการเมือง หลังแต่งตั้ง ครม. อย่างเป็นทางการไปแล้ว คาดว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีร่างนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ออกมา โดยรัฐบาลมีทั้งโครงการใหม่และโครงการของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ที่พร้อมจะเข็นออกมาปฏิบัติจริง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเป็นแรงดึงดูดเงินลงทุนให้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยนับจากนี้
ในภาพรวมตลาดอาจตอบรับการลดดอกเบี้ยไม่มากเท่าที่ควร แต่คาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยให้ปรับขึ้นต่อไปได้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- บริษัทหลักทรัพย์ KTBST