×

ธนาธรชี้ พล.อ. ประยุทธ์ ควรลาออก หยุดเอาประเทศเป็นตัวประกัน เพื่อแก้ปัญหาตัวเอง

โดย THE STANDARD TEAM
02.07.2019
  • LOADING...
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลและการข่มขู่ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ถ้ายังมีปัญหาจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ตนก็อาจจะใช้วิธีแบบเดิมแก้ปัญหา

 

ธนาธรระบุว่า ปรากฏการณ์ที่เราเห็นในรอบ 98 วันที่ผ่านมา คือความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลที่เต็มไปด้วยปัญหา มีการแก่งแย่งเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีกันจนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่สิ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ พูดเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากในทางหลักการ เพราะกลุ่มคนที่มีปัญหาแย่งเก้าอี้กันเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่ พล.อ. ประยุทธ์ เคยบอกว่า เป็นกลุ่มคนที่สร้างปัญหาให้ประเทศ แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ก็เป็นคนดึงเข้ามาร่วมรัฐบาลเอง เพียงเพราะต้องการเป็นนายกฯ ต่อ ปัญหาที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่นักการเมือง แต่อยู่ที่ความพยายามในการสืบทอดอำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ เอง

 

ธนาธรระบุต่อว่า การออกมาขู่ว่าจะให้ใช้วิธีการแบบเดิมของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ใช่ความคิดที่เหมาะสมสำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่บอกให้ชัดเจน ทุกคนก็จะสามารถตีความได้แบบเดียวคือ พล.อ. ประยุทธ์ จะรัฐประหารตัวเอง เท่ากับกำลังจับคนไทยและประเทศไทยทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ในปัญหาภายในของพรรคตัวเองที่ตัวเองก่อขึ้นมาเอง

 

“พล.อ. ประยุทธ์ จะเอาประเทศ ประชาชน ประชาธิปไตย มาเป็นตัวประกัน แล้วขู่ฮึ่มๆ ว่าจะทำรัฐประหาร ทำแบบนี้ไม่ได้ นี่เป็นวิธีคิดที่เห็นได้ชัดว่า เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย สาเหตุของวิกฤตทั้งหมดไม่ได้มาจากนักการเมือง แต่มาจากความพยายามในการสืบทอดอำนาจ สิ่งต่างๆ มาจากรัฐธรรมนูญ สาเหตุที่พรรคอื่นๆ มารวมกันถึง 19 พรรค จัดตั้งรัฐบาล ก็เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นำมาซึ่งวิกฤตการเจรจาต่อรองเก้าอี้ นำไปสู่ความไม่มีเสถียรภาพ พล.อ. ประยุทธ์ พยายามทำให้เราเชื่อว่า ความเลวร้ายทั้งหมดเป็นของนักการเมือง แล้วพยายามแยกตัวเองออกว่าไม่ได้เป็นนักการเมือง ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น พล.อ. ประยุทธ์มีความทะเยอทะยานทางการเมืองที่ต้องการครองอำนาจเป็นนายกฯ ต่อไป พร้อมที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ตัวเองได้มีอำนาจ วิกฤตวันนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากความต้องการสืบทอดอำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ เองต่างหาก” ธนาธรกล่าว

 

ธนาธรกล่าวต่อว่า บุคคลอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ ที่ไม่เชื่อมั่นในเส้นทางประชาธิปไตย ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราจะบอกได้อย่างไรว่า พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ในระบอบประชาธิปไตยอย่างสง่างาม ในเมื่อ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่เคยเข้าสภา ไม่เคยมาตอบคำถามกระทู้ที่สภาตั้งคำถามเลย นี่ก็เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย พล.อ. ประยุทธ์ ไม่มีความเหมาะสมตั้งแต่วิธีคิด ตั้งแต่ความพยายามเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจของตนเอง และต่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จะได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพพอที่จะพาประเทศไทยฝ่ามรสุมวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลกไปได้ ตนจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ หยุดความคิดที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ด้วยการลาออกจากทุกตำแหน่งเสีย 

 

“ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าไม่มีอำนาจของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกฯ ป่านนี้จัดตั้งรัฐบาลเสร็จไปแล้ว ไม่มีครั้งไหนที่ใช้เวลาตั้งรัฐบาลนานถึง 98 วัน เหมือนครั้งนี้”

 

ธนาธรยังระบุด้วยว่า ต่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลคือความไม่มีเอกภาพ เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้ร้อยรวมกันด้วยนโยบายหรืออุดมการณ์อะไรเลย รัฐบาลเช่นนี้ย่อมไม่มีเจตจำนงที่จะผลักดันการปฏิรูปอะไร การปฏิรูปประเทศจะเกิดขึ้นได้ต้องมีเจตจำนงที่แน่วแน่ ดังนั้น สิ่งที่เราจะเห็นแทนคือ การใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างมหาศาล เพื่อสร้างความนิยมของตัวเอง ที่ไม่ได้สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันหรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เราจะเห็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเกิดขึ้นบ้างแล้ว ดังจะเห็นได้ว่า หลังการเลือกตั้งมา มีโครงการใหญ่มูลค่าหลายหมื่นจนถึงหลายแสนล้านบาท ได้รับการอนุมัติหลายโครงการ ดังนั้น สุดท้ายยิ่งตั้งรัฐบาลช้า คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ที่สุดก็คือ พล.อ. ประยุทธ์ เพราะตราบที่ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พล.อ. ประยุทธ์ ก็จะมีอำนาจในฐานะนายกฯ คนเดิมต่อไป

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นจริง พรรคอนาคตใหม่จะมีจุดยืนอย่างไร ธนาธรตอบว่า “ตนขอเรียกร้องให้สมาชิกและพี่น้องประชาชน ออกมาร่วมกันต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้ให้มากที่สุด” เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า วิธีการที่ใช้จะทำอย่างไร นายธนาธรตอบว่า “ด้วยวิธีการทุกรูปแบบ” โดยพรรคอนาคตใหม่ขออาสาเป็นกองหน้าประชาธิปไตยในการต่อต้านการรัฐประหารเอง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความคืบหน้าของคดีหุ้นสื่อธนาธรระบุว่า ตนไม่มีความกังวลอะไร เพราะเชื่อว่าทุกอย่างสามารถชี้แจงได้ ถ้าใช้มาตรฐานจากการดูว่าบริษัทที่จดทะเบียนดำเนินการเรื่องสื่อจริงหรือไม่ ตนก็มีหลักฐานชัดเจนว่า ทุกบริษัทของตนหยุดการผลิตสื่อไปตั้งแต่ปลายปี 2561 แล้ว มีการปลดพนักงาน เพื่อเตรียมตัวปิดบริษัท ไม่มีการดำเนินการอะไรมาจากจุดนั้น ดังนั้น ถ้ายึดตามมาตรฐานนี้แล้ว ทุกคนไม่ผิด ตนก็ต้องไม่ผิดด้วย แต่ถ้าสุดท้ายทุกคนไม่ผิด แต่ตนผิดอยู่คนเดียว ประชาชนก็จะได้ตาสว่างเห็นเองว่า องคาพยพไหนบ้างที่เป็นภาคส่วนที่หนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X