บรรดาผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ทั้งกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าและตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ทยอยเดินทางถึงนครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในวันนี้ ก่อนเริ่มการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) โดยวาระสำคัญของการหารือปีนี้ครอบคลุมประเด็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า ไปจนถึงปัญหาโลกร้อน ขณะที่ไฮไลต์ที่ทั่วโลกจับตามองคือการเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรีสหภาพยุโรป กล่าวขณะพบกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุม G20 ปีนี้ว่า การประชุมซัมมิต G20 ครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางปัญหาท้าทายที่ทั่วโลกต้องหาทางรับมือและแก้ไข ทั้งภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การปฏิรูปองค์การการค้าโลก และการเตรียมตัวรับมือกับกระแสการปฏิวัติทางดิจิทัล
ซัมมิตครั้งนี้ยังจัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดในตะวันออกกลาง สืบเนื่องจากเหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในอ่าวโอมาน และการที่อิหร่านยิงโดรนของสหรัฐฯ ตกในบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็มีแนวโน้มบานปลายจนสร้างความวิตกในตลาดการเงินและตลาดหุ้นทั่วโลก
ในส่วนของสงครามการค้านั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน มีกำหนดประชุมกันนอกรอบเพื่อเจรจายุติข้อพิพาทในวันที่ 29 มิถุนายน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าทรัมป์และสีจิ้นผิงจะประกาศพักรบในสงครามการค้าชั่วคราว โดยที่สหรัฐฯ อาจชะลอการขึ้นภาษีกับสินค้าจีนมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปูทางสู่การเจรจาในขั้นตอนถัดไป
อย่างไรก็ตาม Wall Street Journal รายงานว่า จีนได้กำหนดเงื่อนไขในการประชุมรอบนี้ไว้ 3 ข้อคือ สหรัฐฯ จะต้องถอด Huawei ออกจากบัญชีดำที่ห้ามบริษัทในสหรัฐฯ ค้าขายสินค้าเทคโนโลยีให้กับ Huawei นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังต้องระงับมาตรการภาษีทั้งหมดที่เคยประกาศใช้กับจีนก่อนหน้านี้ และข้อสุดท้ายคือยกเลิกข้อบังคับให้จีนต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งก็น่าจับตาว่าสหรัฐฯ จะยอมพิจารณาข้อเรียกร้องเหล่านี้หรือไม่
โดยหลังจากที่เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันของผู้นำสหรัฐฯ ลงจอดในญี่ปุ่น ทรัมป์ได้เดินทางไปรับประทานอาหารค่ำกับนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย โดยมี สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ร่วมโต๊ะหารืออย่างไม่เป็นทางการด้วย
นอกจากทรัมป์และสีจิ้นผิงที่ถูกจับตาอย่างมากแล้ว เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียก็ครองพื้นที่สื่ออย่างมาก หลังเดินทางมาถึงโอซาก้าเช่นกัน โดยพระองค์กำลังเผชิญข้อกล่าวหาจากนานาชาติว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ จามาล คาช็อกกี อดีตนักข่าววอชิงตันโพสต์ที่ถูกสังหารภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูล
ภาพ: ทวิตเตอร์ทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศญี่ปุ่น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: