- จับตาความตึงเครียดอิหร่าน-สหรัฐฯ หลังความสัมพันธ์และท่าทีของทั้งสองประเทศในระยะหลังไม่สู้ดีสักเท่าไร สืบเนื่องจากเหตุการณ์เรือขนส่งน้ำมันสหรัฐฯ ระเบิด และโดรนสหรัฐฯ ถูกยิงร่วง ส่งผลให้โดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งโจมตีอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะยกเลิกคำสั่งใน 10 นาทีสุดท้ายก่อนเริ่มปฏิบัติการ ล่าสุดประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรการค้าต่ออิหร่าน โดยให้มีผลบังคับใช้วันนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าอิหร่านจะไม่สามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้อีกต่อไป โดยในปัจจุบันการคว่ำบาตรทางการค้าต่ออิหร่านมีผลต่อสินค้าส่งออกของอิหร่านมากกว่า 80% แล้ว สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันทั่วโลก หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเกือบ 10% อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ระบุว่าพร้อมจะเป็นมิตรที่ดีที่สุดของอิหร่าน หากอิหร่าน ‘ยอมทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์’
- อิตาลีร้าวหนัก อิกนาซิโอ วิสโก ผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลี ออกมาแสดงความเห็นต่อร่างงบประมาณของอิตาลีต่อสหภาพยุโรปที่มีเป้าหมายในการปรับลดภาษีที่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านยูโร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขาดดุลงบประมาณมากกว่าเกณฑ์ของสหภาพยุโรปที่ 3% และอาจทำให้สหภาพยุโรปตัดสินใจปรับอิตาลี เนื่องจากละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยวิสโกบอกว่า ด้วยมูลค่าหนี้ของอิตาลีกว่า 2.3 แสนล้านยูโร ประกอบกับขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ ส่งผลให้อิตาลีเป็นอีก 1 รายที่ ‘ใหญ่เกินกว่าจะล้ม’ และกลายเป็นฝันร้ายของประชาชน เศรษฐกิจของอิตาลีไม่สามารถเติบโตได้ หากรัฐบาลยังไม่สามารถจำกัดการขาดดุล ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสหภาพยุโรป มิใช่พยายามฝ่าฝืนมันสร้างความตึงเครียดระหว่างธนาคารกลางและรัฐบาล อย่างไรก็ดี ในประเด็นนี้ มัตเตโอ ซัลวินี รองนายกรัฐมนตรียังไม่ได้ออกมาตอบโต้ท่าทีดังกล่าวแต่อย่างใด
- Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ ออกมาแสดงความขอโทษต่อกรณีอื้อฉาว ‘1MDB’ พร้อมยื่นข้อเสนอชดใช้เป็นจำนวน 1,000 ล้านริงกิต หรือประมาณ 241.73 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ขณะที่ทางการมาเลเซียได้เรียกร้องค่าเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องเป็นมูลค่ากว่า 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มองว่า จำนวนเงิดชดเชยที่ Goldman Sachs เสนอมานั้นไม่เพียงพอต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นตัวเลขที่น้อยเกินไป
- จับตาดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจเยอรมนี หลังภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีถูกกดดันอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการค้ามาเป็นเวลากว่า 1 ปี ประกอบกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ของสหภาพยุโรป ล่าสุด วันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีการประกาศดัชนี Manufacturing PMi และ Services PMi เบื้องต้น ออกมาที่ระดับ 45.4 และ 55.6 จุดตามลำดับ ซึ่งเป็นการประกาศที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทั้งคู่ จากความเชื่อมั่นที่เริ่มฟื้นคืน ประกอบกับทิศทางสงครามการค้าที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ในวันนี้เยอรมนีมีกำหนดการจะประกาศ ‘ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ’ ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการในทุกๆ ภาคอุตสาหกรรมว่ามีความมั่นใจในการทำธุรกิจและเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง สวนทางดัชนี PMI ข้างต้น
- บิตคอยน์ทะลุผ่าน 10,000 เหรียญสหรัฐแล้ว หลังส่งสัญญาณปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน จากระดับราคาราว 4,000 เหรียญสหรัฐ โดยเป็นผลมาจากการที่กลุ่มสถาบันเข้ามาซื้อสะสมต่อเนื่อง เช่น กองทุน Grayscale Bitcoin Trust ที่มีบิตคอยน์รวมเป็นมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกลุ่มสถาบันทั้งหมดมีการถือบิตคอยน์รวมเป็นมูลค่าราว 36,000 ล้านเหรียญ หรือกว่า 26% มูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ด้านนักวิเคราะห์มองว่าเป็นผลจากปริมาณการซื้อขายในประเทศอินเดียที่ขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่ปลายปี 2018
สภาวะตลาดวานนี้
- กระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขการส่งออกไทยเดือนพฤษภาคมหดตัว 5.79% ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 5% เป็นการหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 2.57% โดยกลุ่มสินค้าหลักที่เกี่ยวเนื่องกับ Supply Chain จากจีนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดการส่งออก อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์, แผงวงจรไฟฟ้า, ยางพารา, เคมีภัณฑ์และพลาสติก ส่วนตัวเลขการนำเข้าหดตัวเพียง 0.64%
- ศูนย์วิจัยกสิกรปรับลดการขยายตัวภาคส่งออกไทยเหลือ 0% จากเดิม 3.2% และเตรียมประเมินปรับเป้า GDP ไทยในไตรมาส 2 และปีนี้ใหม่อีกครั้ง ทำให้ GDP ไตรมาสสองมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง และอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ซึ่งจะการมีแถลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทยในวันพุธที่ 26
- Dollar Index ปรับตัวลงมาที่ระดับ 95.69 จุด ต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 96.00 จุด โดยการปรับตัวลงครั้งนี้เป็นการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลก สอดคล้องกับราคาทองคำที่สามารถยืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญที่ 1,400 เหรียญสหรัฐ ล่าสุดนักลงทุนให้น้ำหนักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมนี้ที่ 100% โดยส่วนใหญ่มองว่าจะปรับลดลงสู่ระดับ 2.00-2.25% ที่ 71.9% ส่วนที่เหลือมองว่าจะปรับลดถึงระดับ 1.75-2.00% ที่ 28.1% ดังนั้นการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐครั้งนี้จึงส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการอ่อนค่าที่ชัดเจน ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตอันใกล้
ยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 386.68 เพิ่มขึ้น 1.92 (+0.50%)
- DAX ปิดที่ 12,339.92 ลดลง 15.47 (-0.13%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,407.50 ลดลง 16.94 (-0.23%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21,388.63 เพิ่มขึ้น 27.19 (+0.13%)
เอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,650.80 ลดลง 36.60 (-0.55%)
- KOSPI ปิดที่ 2,125.62 ลดลง 5.67 (-0.27%)
- Shanghai ปิดที่ 3,001.98 เพิ่มขึ้น 14.86 (+0.50%)
- Hang Seng ปิดที่ 28,473.71 ลดลง 76.72 (-0.27%)
- BSE Sensex ปิดที่ 39,601.63 เพิ่มขึ้น 488.89 (+1.25%)
- Nikkei ปิดที่ 21,243.71 ลดลง 219.15 (-1.02%)
- SET ปิดที่ 1,717.14 ลดลง -0.68 (-0.04%)
อเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 26,716.13 ลดลง 34.04 (-0.13%)
- S&P500 ปิดที่ 2,950.47 ลดลง 3.71 (-0.13%)
- NAQDAQ ปิดที่ 8,031.71 ลดลง 19.63 (-0.24%)
Comodities
- ราคาน้ำมัน WTI ปิดที่ 57.59 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.52 (+0.91%)
- ราคาน้ำมัน BRENT ปิดที่ 65.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.75 (+1.16%)
- ราคาทองคำ COMEX ปิดที่ 1,403.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.30 (+0.45%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing