วันนี้ (22 มิถุนายน 2562) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับผู้นำอาเซียน จำนวน 3 ราย ได้แก่ ประธานาธิบดี โจโก วีโดโด แห่งอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุก แห่งเวียดนาม และออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งเมียนมา ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรม ดิ แอทธินี กรุงเทพฯ
บรรยากาศในการหารือทวิภาคีระหว่างผู้นำเป็นไปด้วยมิตรภาพ และความใกล้ชิดระหว่างกัน พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการสนทนาดังนี้
การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย
เวลา 13.30 น. หารือกับอินโดนีเซีย ไทยกับอินโดนีเซียจะครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2563 ทั้งสองประเทศจึงหวังที่จะใช้โอกาสนี้กระชับความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากขึ้นในทุกมิติ โดยไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้าน นายกรัฐมนตรีกล่าวเสนอให้ทั้งสองประเทศร่วมกันแก้ไขปัญหา และกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคด้านการลงทุนอย่างจริงจัง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนของทั้งสองประเทศ
ตลอดจนนายกรัฐมนตรีต้องการให้อาเซียนเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความมั่นคงทางไซเบอร์
ไทยชื่นชมบทบาทในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหา IUU ของอินโดนีเซีย โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้คำมั่นว่า ไทยพร้อมร่วมมือในการแก้ไขปัญหาประมงอย่างรอบด้านกับอินโดนีเซีย
การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม
เวลา 14.00 น. หารือกับเวียดนาม ไทยพร้อมร่วมมือกับเวียดนามในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ไทยพร้อมเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 4 ซึ่งเวียดนามมีกำหนดเป็นเจ้าภาพ เพื่อผลักดันประเด็นความร่วมมือระหว่างกันให้ก้าวหน้า
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังได้กล่าวชื่นชมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ของไทย ซึ่งเวียดนามหวังที่จะเรียนรู้ประสบการณ์การเป็นเจ้าภาพของไทย โดยเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพในปี 2563
ไทยยินดีแบ่งปันประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา IUU กับเวียดนาม โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า เจ้าหน้าที่ไทยปฏิบัติงานตามหลักมนุษยธรรมและมีมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลให้มาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไทยสูงขึ้น ทั้งนี้ ไทยหวังที่จะผลักดันให้มีการพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทย-เวียดนาม-ลาว ในการพัฒนาเส้นทางหมายเลข R12 ในลาว รวมทั้งผลักดันให้ทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้งสองฝ่ายเสนอข้อริเริ่มใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการค้า และการท่องเที่ยวตลอดเส้นทางดังกล่าว
การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับที่ปรึกษาของเมียนมา
เวลา 14.30 น. หารือกับเมียนมา ไทยยืนยันเจตนารมณ์ในการขยายความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน และเวทีระหว่างประเทศ ไทยขอบคุณเมียนมาที่เชื่อมั่นและให้ความร่วมมือกับไทยในฐานะประธานอาเซียน และประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดเกี่ยวกับสถานการณ์รัฐยะไข่ ประเทศไทยและอาเซียนพร้อมที่จะให้ความสนับสนุนแก่เมียนมา โดยยืนยันที่จะดำเนินการด้านต่าง ๆ บนพื้นฐานความปลอดภัยของภูมิภาค
นอกจากนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนการพัฒนาในสาขาที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเมียนมาในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข การพัฒนาชุมชน การเกษตรและประมง เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของเมียนมา
ภาพ: @prayutofficial, www.asean2019.go.th
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์