วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่คณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเพิ่มคณะกรรมาธิการสามัญจากเดิม 35 คณะ เป็น 36-38 คณะเป็นอย่างน้อย เพื่อเกลี่ยตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการให้กับทุกพรรคการเมืองว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ส่วนตัวยังอยากเสนอให้ลดจำนวนคณะกรรมาธิการเหลือเพียง 30 คณะด้วยซ้ำ เพราะการเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการที่ผ่านมาในยุครัฐบาลทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อปลอบใจคนที่ผิดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรี จึงทำให้มีการแยกงานกรรมาธิการในลักษณะงานซ้ำซ้อน
เช่น กรรมาธิการทหารแยกออกเป็น 3 คณะคือ กรรมาธิการทหาร กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ และกรรมาธิการกิจการชายแดน ทั้งที่ 3 กรรมาธิการนี้มีหน้าที่และลักษณะงานเดียวกัน จึงอยากเสนอให้มีเฉพาะกรรมาธิการหลักๆ เพราะการมีคณะกรรมาธิการเกินจำเป็น ทำให้ ส.ส. บางคนต้องสลับหน้าที่เป็นกรรมาธิการถึง 2 คณะ ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ส่วนกรรมาธิการอื่นๆ ที่ไม่มีความจำเป็น ก็ควรจะจัดตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาเฉพาะเรื่องเป็นการเฉพาะกิจจะดีกว่า ลั่นอย่าใช้สภาฯ เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาจัดตั้งรัฐบาล
“เพราะการเพิ่มคณะกรรมาธิการมากขึ้นจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณรายจ่ายของสภาฯ โดยใช่เหตุ ซึ่งเงินเหล่านี้ล้วนมาจากเม็ดเงินภาษีของประชาชน เพราะกรรมาธิการแต่ละคณะต้องมีห้องทำงานของประธานและคณะ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ เจ้าหน้าที่สภาฯ งบศึกษาดูแล เบี้ยประชุม รวมถึงสิทธิในการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย
“ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม ที่ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อปลอบใจบรรดาคนอกหักจากตำแหน่งรัฐมนตรี และเป็นการสมนาคุณให้หัวหน้าพรรคเล็ก พรรคจิ๋ว ที่ไม่สามารถจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้ได้ครบ จึงต้องประเคนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการต่างๆ เหล่านี้ทดแทนให้ เพราะการอาสาเข้ามาทำงานการเมืองไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จึงขอให้ทบทวนแนวคิดนี้ และไม่ควรใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล” เทพไทกล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า