เนเธอร์แลนด์โชว์ฟอร์มเยี่ยม พลิกเอาชนะอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 3-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่าเนชันส์ลีกไปพบกับโปรตุเกสได้สำเร็จ
โดยเกมรอบรองชนะเลิศเมื่อคืนวันที่ 6 มิถุนายน เนเธอร์แลนด์ลงสนามพบกับทีมชาติอังกฤษที่สนามเอสตาดิโอ อาฟอนเซ เอนริเก้ โดยอัศวินสีส้มส่งตัวหลักทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แฟรงกี้ เดอ ยอง และ เมมฟิส เดปาย ลงสนามทั้งหมด ขณะที่ อังกฤษส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงในแดนหน้า
ผลปรากฏว่า ตลอด 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 โดยอังกฤษได้ประตูก่อนจาก จุดโทษของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในนาทีที่ 29 ก่อนที่ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กองหลังเนเธอร์แลนด์จะแก้ตัวจากจังหวะที่ทำทีมเสียจุดโทษ ด้วยการโหม่งตีเสมอให้กับทีมเป็น 1-1 ในนาทีที่ 73 ก่อนจะจบเวลาปกติ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ เนเธอร์แลนด์ก็สามารถพลิกกลับมาชนะได้ด้วยการยิงเพิ่มอีกสองประตูจาก ควินซี โพรเมส และ ไคล์ วอล์กเกอร์ ที่ยิงเข้าประตูตัวเอง ส่งผลให้พวกเขาเอาชนะอังกฤษไป 3-1 ผ่านเข้ารอบชิงฯ ไปพบกับโปรตุเกส ในวันที่ 9 มิถุนายน ขณะที่อังกฤษจะไปชิงอันดับที่ 3 กับสวิตเซอร์แลนด์
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังตัวหลักของเนเธอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์หลังเกม เชื่อว่าเนเธอร์แลนด์คือทีมที่ดีกว่าในค่ำคืนนี้ นอกจากนี้ โชเซ ฟอนเต กองหลังทีมชาติโปรตุเกส อดีตเพื่อนร่วมทีมฟาน ไดจ์ค ที่เซาท์แฮมป์ตัน ยังเชื่อว่า ฟาน ไดจ์คเหมาะสม และมีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้คว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ หลังจากที่รักษามาตรฐานเกมรับในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- talksport.com/football/554601/england-vs-netherlands-live-updates-nations-league-semi-final/
- www.bbc.com/sport/football/48455034
- news.yahoo.com/van-dijk-gets-ballon-d-111102270.html