นับตั้งแต่การตัดสินใจเปิดประตูการค้าของประเทศสยามในสมัยรัชกาลที่ 4 สิ่งที่ตามมาก็คือการเข้ามาทำธุรกิจของชาวตะวันตกและตะวันออก อันส่งผลต่อเศรษฐกิจ ความเจริญ และการขยายตัวของเมือง อย่างเช่นทำเลย่านเพลินจิต-วิทยุ ในอดีตนั้นเคยเป็นพื้นที่เรือกสวนไร่นาที่ห่างไกลความเจริญ จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 6 มีการตัดถนนเพลินจิตเชื่อมระหว่างถนนพระราม 1 กับทางรถไฟสายตะวันออก ทำให้ความเจริญเข้ามาถึงขุนนาง ชนชั้นสูง และเศรษฐี จึงเริ่มเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้านพักอาศัย และเพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจร จึงได้มีการตัดถนนเส้นใหม่เชื่อมต่อระหว่างถนนเพลินจิตและถนนวิทยุ จึงเกิดเป็น ‘ซอยร่วมฤดี’ ที่รู้จักกันในปัจจุบัน
ซอยร่วมฤดีเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมสมัย ที่สะท้อนตัวตน ความภาคภูมิใจ และไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นย่านพักอาศัยที่ให้บรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว แม้จะอยู่ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของประเทศ พื้นที่โดยรอบประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำระดับ World Class ที่พักอาศัยระดับพรีเมียม โรงแรมหรู ร้านอาหารเก่าแก่ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่ตั้งบริษัทชั้นนำระดับโลก ไปจนถึงสถานทูต นับเป็นทำเลมูลค่าสูงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาได้ยาก
โดยหนึ่งแง่มุมของความเอ็กซ์คลูซีฟที่ใครๆ ก็สัมผัสได้ในย่านร่วมฤดี คงหนีไม่พ้นร้านอาหารชื่อดังที่เป็นต้นตำรับ มีความออริจินัลชนิดที่ควรมาลองสักครั้ง และนี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ THE STANDARD อยากแนะนำ 5 ร้านอาหารและบาร์ในซอยร่วมฤดี ซึ่งมีความโดดเด่น คาแรกเตอร์เฉพาะตัว และเรื่องราวน่าสนใจ สะท้อนให้เห็นตัวตน และไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับของผู้อาศัยบนที่สุดของทำเลใจกลางร่วมฤดี
Lyon French Cuisine
เปิดมาได้ 25 ปีพอดีสำหรับร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์ท้องถิ่น Lyon French Cuisine ที่สืบทอดรสชาติเฟรนช์โฮมคุกกิ้งมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นร้านประจำของหลายครอบครัว
Lyon ให้ความสำคัญในการนำเสนอรสชาติท้องถิ่น และรูปแบบการทำอาหารสไตล์โฮมคุกกิ้ง ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่าย และชีวิตประจำวันของผู้คน นอกเหนือจากความหลากหลายและหรูหราของวัตถุดิบ และเทคนิคการทำอาหารอันวิจิตรพิศดารที่มักพบเห็นตามร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ทั้งยังมอบการต้อนรับอย่างอบอุ่นตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงโต๊ะอาหาร คำแนะนำหากมาใช้เวลากับครอบครัวหรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูง อย่าลืมใช้บริการห้องรับรองพิเศษเพื่อความเป็นส่วนตัว
โดยเมนูแรกที่เราอยากแนะนำก็คือ La Gratinée ซุปใสหัวหอมฝรั่งเศสซึ่งปกคลุมผิวหน้าไปด้วยชีส เพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับซุป แล้วค่อยต่อกันที่ Coq au Vin หนึ่งในอาหารสุดคลาสสิก และเป็นเมนูประจำบ้านของชาวฝรั่งเศส สะโพกกับน่องไก่ตุ๋นในซอสไวน์แดงจนนุ่ม ในจานมีหมูสามชั้นหั่นเต๋ามาเพิ่มเนื้อสัมผัส รับประทานคู่กับเห็ด ถั่วแขก และมันฝรั่ง อีกจานที่น่าลอง คือ Mignon de Porc Sauté au Beurre, Avec Jambon et Champignons หมูผัดเนยแล้วพันด้วยเบคอน เชฟทำมาได้ระดับความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมูในเกณฑ์ที่ดีมาก จานนี้มีเครื่องเคียงเป็นเฟรนช์ฟรายส์ ถั่วลันเตา และแครอต โดยรับประทานพร้อมซอสและเห็ดเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดอีกหลายเมนู หากใครมีโอกาสแวะมาที่ซอยร่วมฤดี อยากให้ลองเข้ามาสัมผัสรสชาติสุดพิเศษนี้ด้วยตนเอง
Lyon French Cuisine
63/3 ซอยร่วมฤดี
เปิดทุกวัน 11.30-14.00 น., 18.30-22.00 น.
โทร 0 2453 8141
www.facebook.com/lyonfrenchcuisinebkk
Cohiba Atmosphere & The Macallan Lounge
ไม่ใช่เรื่องง่ายในกรุงเทพฯ หากคุณต้องการซิการ์จากคิวบา และจิบวิสกี้ชั้นเยี่ยมในเวลาเดียวกัน แต่สำหรับผู้ที่อาศัยย่านร่วมฤดี ไลฟ์สไตล์เช่นนี้อยู่ไม่ไกลและไปได้ทุกวันที่ Cohiba Atmosphere วิสกี้และซิการ์เลานจ์สาขาที่ 8 ในโลก (ตั้งอยู่ข้างร้านอาหารฝรั่งเศส Lyon) โดยได้คอนเซปต์มาจาก Habanos S.A. ด้วยตัวเลือกซิการ์สไตล์คิวบามากกว่า 300 ประเภท ทำให้ Cohiba Atmosphere กลายเป็นสถานที่รวบรวมซิการ์ที่เยอะที่สุดในประเทศไทย และที่นี่ยังมีสุรานำเข้าจากทั่วโลก หรือหากคุณเป็นผู้หลงใหลในอาร์ทิซานวิสกี้อย่างจริงจัง และชื่นชอบ Compass Box หรือ The Macallan ต่อจากนี้คงไม่จำเป็นต้องไปเสาะหาไกล ๆ จากที่ไหนอีกแล้ว
ขึ้นไปที่ชั้น 2 ของบ้าน พนักงานจะพาไปยังห้องด้านในสุด ซึ่งเป็นวิสกี้และซิการ์เลานจ์บรรยากาศเรียบหรู โดยสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ และสามารถสูบซิการ์ได้ในบริเวณเลานจ์แห่งนี้
จากตัวเลือกวิสกี้หลายร้อยประเภท ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลอง Tomintoul 16 Years Old ซิงเกิลมอลต์จาก Speyside Glenlivet ในสกอตแลนด์ ที่มาในบอดี้ค่อนข้างเบาไปจนถึงปานกลาง ให้สัมผัสฟรุตตี้และดอกไม้ ดื่มง่าย นุ่มนวล เหมาะสำหรับการดื่มสังสรรค์ทั่วไป จะเสิร์ฟ Neat หรือ On the Rock ก็ย่อมได้ทั้งสองแบบ
อีกตัวเลือกที่น่าสนใจก็คือ Douglas Laing’s Provenance จากโรงกลั่น Tamdhu Distillery ซิงเกิลมอลต์ที่ไม่ผ่านกระบวนการใส่สี และปราศจากส่วนผสมหรือการรบกวนใดๆ ตลอด 10 ปีที่ถูกบ่มในถัง สำหรับแก้วนี้ยังคงมีโน้ตหวานๆ กลิ่นมอลต์บาร์เลย์คั่วอ่อน โซดา และรูบาร์บ สัมผัสแล้วรู้สึกถึงรสของเปลือกส้ม พีช มะม่วง น้ำผึ้งอุ่น และเครื่องเทศปิดท้าย เมื่อผสานเข้ากับบรรยากาศการตกแต่งของร้านอันเป็นเอกลักษณ์ นี่จึงเป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่คุณสามารถพบได้เพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
Cohiba Atmosphere & The Macallan Lounge
Ruamrudee Grove
63/3 ซอยร่วมฤดี 3
เปิดวันจันทร์-เสาร์ 12.00-24.00 น.
โทร 0 2650 9009 ต่อ 11, 08 9988 5002
Lenzi Tuscan Kitchen
หากพูดถึงร้านอาหารอิตาเลียนดีๆ สักแห่งในกรุงเทพฯ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมี Lenzi Tuscan Kitchen เป็นหนึ่งในนั้น ร้านนี้ตั้งอยู่ในบ้านแสนอบอุ่นของซอยร่วมฤดี 2 โดดเด่นด้วยครัวเปิดที่เผยให้เห็นทุกขั้นตอนความอร่อย ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบไปจนกระทั่งยกเสิร์ฟลงจาน และรับประกันความอร่อยด้วยการได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารอิตาเลียนที่แนะนำให้ลองในมิชลินไกด์ปี 2019
เมนูของร้านที่ทุกคนควรลอง Tagliere del Lenzi เมนูที่เต็มไปด้วยอาร์ทิซานแฮมและชีสจาก Lenzi’s Farm ในแคว้นทัสคานีเสิร์ฟมาบนถาดไม้ มีให้เลือกชิม 6-7 ชนิด อาทิ Lardo, Pancetta, Truffle Mortadela เป็นต้น และคราฟต์ชีสรสละมุนที่เหมาะกับขนมปังโฮมเมดร้อนๆ หรือจับคู่กับไวน์แดงจากอิตาลีสักแก้วก็ดีไม่แพ้กัน
ส่วนซิกเนเจอร์พาสต้า Spaghetti alla Lenzi ก็โชว์เคสวัตถุดิบจากฟาร์มครอบครัว Lenzi เช่นกัน
แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบในจาน เชฟเลือกใช้เส้นสปาเกตตีผัดพริกและกระเทียม เพิ่มรสชาติและสัมผัสท้าลิ้นด้วยหมูสามชั้นกับกุ้งลายเสือ ไม่เพียงเท่านี้ ยังมี Blood Pudding Ham คลุมผิวหน้าสปาเกตตีที่ไม่ได้ใส่มาแค่ให้มีกิมมิก แต่ให้คลุกเคล้ากับเส้นก่อนรับประทาน พุดดิ้งแฮมจะละลายเคลือบไปกับเส้น กินแล้วจะรสชาติเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม สำหรับคนที่ชอบอาหารอิตาเลียน Lenzi ถือเป็นอีกร้านที่ขึ้นชื่อ และควรต้องเข้ามาลองทานสักครั้ง
Lenzi Tuscan Kitchen
69/1-2 ซอยร่วมฤดี 2
เปิดทุกวัน 11.45-14.00 น., 18.00-22.45 น.
โทร 0 2001 0116, 09 5251 5040
Neil’s Tavern
Neil’s Tavern ถือได้ว่าเป็นสเต๊กเฮาส์แห่งแรกๆ ในกรุงเทพฯ ชื่อร้านนั้นอุทิศแก่มนุษย์คนแรกผู้เหยียบเท้าบนดวงจันทร์ ซึ่งในสมัยก่อตั้งนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะหาเนื้อนำเข้าจากร้านอาหารที่ไม่ได้อยู่ในโรงแรมห้าดาวหรือภัตตาคารหรู การเป็นสเต๊กเฮาส์ที่มีเนื้อต่างประเทศของ Neil’s Tavern จึงยกระดับประสบการณ์กินสเต๊กให้พิเศษขึ้นกว่าเดิม
ด้วยบรรยากาศแบบคลาสสิกอเมริกันสเต๊กเฮาส์ และเพลงจากศิลปินอเมริกันคลอเบาๆ ชักชวนให้เราพลิกเมนูเลือกสเต๊กและซีฟู้ดอย่างละจานสำหรับมื้อสายของวันอาทิตย์ Tenderloin Steak สเต๊กเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย ไซส์อิ่มกำลังดี 200 กรัม ถูกนำไปย่างด้วยเตาถ่านที่ความสุกระดับมีเดียมแรร์ ด้านในยังคงชุ่มฉ่ำ ส่วนด้านนอกหอมกลิ่นไหม้เกรียมนิดๆ เพิ่มรสชาติด้วยพริกไทยดำบดหยาบกับเกลือหิมาลัยสีชมพู ก็อร่อยได้โดยไม่ต้องพึ่งซอส
สำหรับอาหารทะเลของ Neil’s Tavern ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน ลองสั่ง Smoked Whole Trout with Butter ปลาเทราต์เดนมาร์กทั้งตัวรมควันและอบเนย โรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลซ์บางให้กิน แล้วมีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ จุดเด่นของปลาเทราต์คือเนื้อนุ่มละมุนและไม่หนักแบบแซลมอน เมื่อผ่านการรมควันจะยิ่งหอมอร่อยขึ้น และด้วยความสดใหม่ของปลาก็แทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มอีกเลย
เสร็จจากการรับประทานสเต๊กแล้วอย่าลืมเดินไปที่ The Bake Shoppe ร้านเบเกอรีและเค้กอันเลื่องลือ ที่นี่ไม่มีแฟนซีเค้กหรือส่วนผสมหน้าตาแปลกๆ แต่มุ่งเน้นไปที่เค้กสไตล์คลาสสิก โดยเฉพาะ Viennese Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตขึ้นชื่อของที่นี่ เกิดมาพร้อม Neil’s Tavern ตั้งแต่ปี 1969 และยังคงส่งต่อความอร่อยผ่านยุคสมัย ชิฟฟอนเค้กรสช็อกโกแลตเนื้อนุ่มสลับกับชั้นม็อกค่าครีม ท็อปด้วยครีมสดกับช็อกโกแลตซอสข้นเหนียวรสชาติเข้มข้นถึงใจ ชิ้นเดียวไม่เคยพอ
Neil’s Tavern
58/4 ซอยร่วมฤดี
เปิดทุกวัน 11.30-13.45 น., 17.30-22.30 น.
โทร 0 2256 6874
Sushi Niwa
Sushi Niwa ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะบรรยากาศเรียบหรูโมเดิร์นแบบตะวันออก ภายใต้คอนเซปต์ Immersive Omakase Experience นำเสนอโอมากาเสะที่สร้างสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่นและทั่วโลก และหมุนเวียนเปลี่ยนตามฤดูกาล โดยได้เชฟจากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ออกแบบเมนู ก่อนเริ่มคอร์สจะมี Interactive Multimedia ต้อนรับผู้มาเยือนให้เป็นกิมมิกสร้างความสนุกสนานเล็กๆ หลังจากนั้นจึงเริ่มเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส มีให้เลือกระหว่าง 9-14 คอร์ส หรือหากมาเป็นกลุ่มก็สามารถแจ้งเชฟล่วงหน้าให้ออกแบบคอร์สตามความต้องการของแต่ละคน เพื่ออรรถรสและประสบการณ์ที่พิเศษที่สุด
ช่วงนี้เชฟนำเสนอ Nagasaki Awabi ข้าวหน้าหอยเป๋าฮื้อเนื้อเด้งหวานจากนางาซากิที่นำไปนึ่ง 4-5 ชั่วโมง แล้วราดซอสที่ทำจากตับหอยปรุงกับไข่แดงญี่ปุ่น โรยเกล็ดเกลือหิมะ Awayuki และแต้มวาซาบิปิดท้าย ต่อด้วย Hokkaido Kegani ข้าวอบมันปูขนฮอกไกโดที่เสิร์ฟในกระดองปู ข้าวญี่ปุ่นเม็ดอวบคลุกเคล้ากับเนื้อปูและมันปู ท็อปด้วยก้ามปูราดซอสมันปูอีกรอบ ได้กลิ่นอายทะเลและรสชาติแห่งความสดของปูขนแบบเน้นๆ Iwate Unagi ข้าวปั้นหน้าปลาไหล เชฟใช้ปลาไหลน้ำกร่อยตามธรรมชาติจากอิวาเตะ นำไปย่างนาน 40 นาที เพื่อรีดไขมันออกจนเกือบหมด คงเหลือเพียงความนิ่มของเนื้อ และหนังปลาบางกรอบ ปรุงรสเพิ่มด้วยซอสจากเนื้อและกระดูกปลาที่ใช้เวลาเคี่ยวเกือบ 6 ชั่วโมง นอกจากอาหารทะเลชั้นเลิศ Sushi Niwa ก็เอาใจสายเนื้อด้วย Akita Wagyu เนื้อวากิวจากอาคิตะซึ่งมีความนุ่มลื่น แทรกด้วยชั้นไขมันฉ่ำลิ้น ราดซอสหอมใหญ่สูตรเข้มข้น แล้วนำไปประกบกับขนมปังย่างเตาถ่าน เสิร์ฟมาแบบแซนด์วิช รสชาติดีงามสมคำร่ำลือ ปิดท้ายด้วย Hokkaido Cheesecake ชีสเค้กเนื้อนุ่มเบาจากฮอกไกโดมาคู่กับเกาลัดเชื่อมเนื้อหวานกรอบ เป็นการจบคอร์สได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
Sushi Niwa
39/5 ซอยร่วมฤดี 2
เปิดทุกวัน 12.00-14.00 น., 17.30-21.30 น.
โทร 06 3456 5656
www.facebook.com/SushiNiwaBangkok
ทั้งหมดนี้คือ 5 ร้านอาหาร และบาร์ในซอยร่วมฤดีที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยความเป็นย่านอาศัยเก่าแก่ของผู้มีระดับที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น คงเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจหากมีโอกาสได้ครอบครองที่พักอาศัยในซอยร่วมฤดี เพราะนอกจากการได้อยู่บนทำเลใจกลางเมือง รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในชีวิตที่ได้เป็นเจ้าของที่สุดของทำเลที่ยากจะครอบครอง
เพราะด้วยมูลค่าและจำนวนที่ดินซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่เกิดขึ้นในทำเลนี้มาเป็นเวลานาน แต่ล่าสุดกำลังมีโครงการใหม่เกิดขึ้นในซอยร่วมฤดี นั่นก็คือโครงการเปรม ร่วมฤดี (Prem Ruamrudee) โดย นายณ์ เอสเตท (Nye Estate) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดลักชัวรี โดยตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดีบนทำเล Super Prime ใจกลาง CBD เพลินจิต-วิทยุ หนึ่งในทำเลเศรษฐกิจและที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เชื่อมต่อความสะดวกสบายได้เพียง 5 นาทีถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต ห้างสรรพสินค้า Central Embassy รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงแรมชั้นนำ The Okura Prestige, Rosewood Bangkok อาคารสำนักงานพรีเมียม Park Ventures, All Seasons Place ใกล้โรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพระดับ World Class เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, BDMS Wellness Clinic นอกจากนี้รูปแบบโครงการยังสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นร่วมฤดีที่โดนเด่นด้วยงานดีไซน์ระดับ Iconic สไตล์ Mid-Century Modern เน้นความเป็นส่วนตัวเพียง 176 ยูนิต พร้อม Single Loaded Corridor บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ อีกทั้งยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติด้วย Private Courtyard กลางโครงการ เป็นนิยามใหม่ของการอยู่อาศัยที่รอให้คุณได้เข้ามาสัมผัส และเป็นเจ้าของครั้งแรกในงาน Exclusive Pre-Sales วันที่ 29-30 มิถุนายนนี้ ที่ Prem Sales Gallery
ลงทะเบียนรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะช่วง Exclusive Pre-Sales คลิก rename.ly/nye-ruamrudee-the-standard
ราคาเริ่มต้น 6.8 ล้านบาท
สอบถามเพิ่มเติมโทร: 0 2010 4296
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์