หลังจากช่วงบ่ายวันนี้ (23 พ.ค.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ในที่ประชุม 9 ต่อ 0 เห็นตรงกัน รับพิจารณาคุณสมบัติ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และจะเตรียมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง รวมถึงยังมีมติ 8 ต่อ 1 มีคำสั่งให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยด้วย
ล่าสุดเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันนี้ ที่สำนักงานพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมกล่าวประโยคแรกหลังจากทราบผลการรับพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญว่า “ผมไม่เห็นด้วยต่อมติของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว
“คำถามก็คือเหตุใดคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่านถึงพิจารณาและส่งข้อร้องเรียนนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 16 พฤษภาคม ในขณะที่คณะกรรมการชุดเล็กยังแสวงหาข้อเท็จจริงไม่เสร็จ เอกสารนี้ลงวันที่ 17 พฤษภาคม เรียกพยานเข้าไปสืบความเพิ่มเติมในวันที่ 24 พฤษภาคม หมายความว่าคณะกรรมการชุดเล็กที่สอบสวนคดีนี้อยู่ยังทำงานไม่เสร็จ ยังแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่ ท่านเอาข้อสรุปมาจากไหนครับ”
นอกจากนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้ตั้งข้อสงสัยเปรียบเทียบกับกรณีของ ดอน ปรมัตถ์วินัย ที่ใช้เวลาในการวินิจฉัย 417 วัน เริ่มต้นจากที่เดียวกัน พร้อมจบในที่เดียวกัน แต่เหตุใดกรณีของตนจึงใช้เวลาเพียง 53 วัน ซึ่งรวดเร็วกว่าอย่างชัดเจน
“ทุกท่านคิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมในกรณีนี้หรือไม่ ทุกท่านคิดว่าการทำงานของกระบวนการอิสระที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติในประเทศไทยเป็นธรรมหรือไม่ คำถามที่ผมอยากจะเรียกร้องต่อสาธารณะก็คือว่า ทุกท่านช่วยกันตรวจสอบ ช่วยกันพิจารณามติของ กกต. มติของศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยกันพิจารณาร่วมกับผมทีว่าผมได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ มีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปกติหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการทำหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะได้ผลการวินิจฉัยนั้น แต่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังคงยืนยันว่าจะเดินหน้ารวมเสียงพรรคการเมืองที่ต่อต้านระบอบเผด็จการเพื่อผลักดันให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่หยุดยั้ง
“คสช. และระบอบเผด็จการที่มาพร้อมกับพวกเขาคืออาทิตย์กำลังอัสดง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามสืบทอดอำนาจผ่านการดึง ส.ส. จากพรรคอื่นก็ดี ไม่ว่าจะเป็นความพยายามสืบทอดอำนาจด้วยการสกัดผมไม่ให้เข้าสภาผู้แทนราษฎรก็ดี นี่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของเผด็จการ นี่แสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความดิ้นรนครั้งสุดท้ายของระบอบรัฐประหาร พวกเขาคือกลุ่มคนที่ต้องการให้ทุกๆ วันของวันนี้เป็นเมื่อวาน เพื่อที่พวกเขาจะได้เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ผมอยากจะเรียนพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ยังรักประชาธิปไตย ผมอยากจะเรียนผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทุกคนว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบเผด็จการ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความอยุติธรรม ผมขอเชิญพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ยังรักความยุติธรรมอยู่ ยื่นหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกันเพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับคืนสู่สังคมไทย ร่วมสร้างสังคมที่เป็นธรรม นั่นคือภารกิจของเรา” ธนาธรกล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์