วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาเตือนถึงความอันตรายของวิกฤตเกาหลีเหนือที่อาจนำไปสู่ภัยพิบัติระดับโลก จนนำมาสู่การเสียชีวิตมากมาย พร้อมย้ำว่ามาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม “ไม่มีประโยชน์”
ภายในวันสุดท้ายของงานประชุม BRICS ที่ประเทศจีน ประธานาธิบดีแดนหมีขาวกล่าวถึงทางแก้ปัญหานี้ว่า “ไม่มีทางอื่น… นอกเหนือไปจากการเจรจาอย่างสันติ”
ผู้นำรัสเซียยังประณามท่าทียั่วยุของเกาหลีเหนือด้วย แต่แสดงความคิดเห็นว่า การเสนอมาตรการคว่ำบาตรให้หนักขึ้นตามแนวทางสหรัฐอเมริกาไม่มีความหมายและไม่สร้างผลลัพธ์ใดๆ
“เราจดจำได้ดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่ออิรักและซัดดัม ฮุสเซน ลูกๆ ของเขาถูกฆ่าทิ้ง ประเทศทั้งประเทศถูกทำลายย่อยยับ และซัดดัม ฮุสเซน ก็ถูกฆ่า เราต่างรู้ดีว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และประชาชนเกาหลีเหนือเองก็จดจำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอิรักได้เช่นกัน” ปูตินกล่าวพร้อมย้อนถึงสถานการณ์ในลิเบียเมื่อ 5 ปีก่อน
“พวกเขายอมจะกินหญ้าเสียดีกว่ายอมยุติโครงการนิวเคลียร์ ตราบใดก็ตามที่พวกเขายังไม่รู้สึกปลอดภัย”
ปูตินระบุต่อไปถึงมุมมองทางมนุษยธรรมว่า ประชาชนหลายล้านคนในประเทศเองก็ต้องแบกรับความทรมานจากการคว่ำบาตรเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ฮันแทซอง ทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ระบุว่า มาตรการป้องกันตนเองของประเทศในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นของขวัญที่จ่าหน้าซองถึงสหรัฐอเมริกา
“สหรัฐอเมริกาจะได้รับของขวัญจากประเทศของเราต่อไปเรื่อยๆ หากยังประพฤติตัวยั่วยุและพยายามกดดันต่อไปอย่างลมๆ แล้งๆ” ทูตโสมแดงเผย
นานาชาติเสียงแตก
สหประชาชาติเดินหน้ามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเกาหลีเหนือมาต่อเนื่องเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2006 และเป็นแนวทางที่ถูกปฏิบัติมาตลอด จนเมื่อวานนี้ วาซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติจวกข้อเสนอคว่ำบาตรที่เสนอโดยสหรัฐฯ ว่า “ชิงสุกก่อนห่ามเกินไปนิด”
การพิจารณามาตรการดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 11 กันยายนนี้ ผ่านการประชุมของตัวแทนชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง โดย 5 ประเทศสมาชิกถาวรมีสิทธิในการยับยั้ง ซึ่งหนึ่งในกลุ่มดังกล่าวรวมถึงรัสเซียและจีนด้วย
ข้อมูลจากเกาหลีใต้ระบุว่า ประเทศที่เกาหลีเหนือร่วมค้าขายด้วยมากที่สุดคือจีน โดยถือครองตลาดถึง 92 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม หวังอี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีนย้ำว่า จะมีส่วนรวมในการประชุมคณะมนตรีฯ อย่างมีความรับผิดชอบและปฏิบัติตัวอย่างสร้างสรรค์
เช่นเดียวกันที่ฝ่าย คังคยองฮวา รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ที่ออกมาเผยหลังการเจรจากับหวังอี้ว่า รัฐบาลจีนมีท่าทีสนับสนุนการคว่ำบาตรเพิ่มเติม
แต่ฝ่ายของ ชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น และ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่เปิดการเจรจาผ่านโทรศัพท์เมื่อวานนี้ พร้อมตกลงใจว่าการคว่ำบาตรต้องยุติลง
ฝ่ายตัวแทนเกาหลีเหนือเองย้ำว่า มาตรการคว่ำบาตรไม่มีทางเป็นผล และเกาหลีเหนือจะไม่มีทางเอาเรื่องการทดลองนิวเคลียร์ขึ้นโต๊ะเจรจาอย่างแน่นอน
นิวเคลียร์ที่สั่นสะเทือนความมั่นคงโลก
ปลายสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หญิงสูงวัยนาม รีชุนฮี ผู้ประกาศข่าวชาวเกาหลีที่ถูกจดจำจากการสวมชุดฮันบกสีชมพูและท่าทีการอ่านข่าวที่สั่นอารมณ์ ออกมาเปิดเผยพร้อมยกย่องความสำเร็จล่าสุดของประเทศในการยิงอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 6
นิวเคลียร์ที่ถูกยิงเป็นชนิดระเบิดไฮโดรเจนที่มีความรุนแรงและรัศมีการทำลายล้างสูงกว่าปกติ อันเนื่องมาจากการใช้ปฏิกิริยาฟิชชันมาร่วม โดยอาวุธชิ้นล่าสุดได้สร้างแรงสั่นสะเทือนระดับแมกนิจูด 6.3 สูงสุดในบันทึกการยิงของเกาหลีเหนือ
การติดตามกิจกรรมอาวุธนิวเคลียร์โดยเกาหลีใต้และนอร์เวย์คาดการณ์ว่า เทียบเท่าระเบิดทีเอนทีประมาณ 50-120 ตัน ขณะที่นิวเคลียร์ที่ถูกยิงลงฮิโรชิมะมีรัศมีเทียบเท่าทีเอนที 15 กิโลตัน
ภายหลังเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการเปิดฉากฝึกซ้อมรบทางทหารด้วยกระสุนจริง พร้อมทั้งให้เครื่องบินรบขึ้นและมีการยิงทดสอบขีปนาวุธด้วย
Cover Photo: WU HONG/POOL/AFP
อ้างอิง: