นับว่าเป็นเกมที่ดุเดือดที่สุดในรอบ 8 ทีมสุดท้ายสำหรับศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2018-19 หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในเกมเลกที่ 2 ในบ้านไป 4-3 แต่พลาดท่าตกรอบ 8 ทีม เนื่องจากประตูรวม 2 นัดมีเท่ากัน 4-4 แต่เรือใบสีฟ้าตกรอบเนื่องจากกฎอเวย์โกล
เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายอมรับสภาพหลังเกมโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่เราก็ต้องยอมรับมัน
“ผมภูมิใจกับนักเตะและแฟนบอล ผมไม่เคยได้ยินเสียงเชียร์แบบนั้นตั้งแต่เข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ฟุตบอลเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
“เป็นเรื่องที่น่าเศร้า มันเป็นสิ่งที่แย่สำหรับเรา ดังนั้นผมจึงอยากแสดงความยินดีกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และขอให้พวกเขาโชคดีกับเกมรอบรองชนะเลิศ
“ผมสนับสนุนการใช้ VAR แต่จากมุมหนึ่ง ประตูของยอเรนเตอาจเป็นแฮนด์บอล แต่มุมของกรรมการมองว่าไม่ใช่
“วันนี้เป็นวันที่ลำบากสำหรับเรา พรุ่งนี้ก็เช่นกัน แต่วันต่อไปเราจะพร้อมสู้ต่อ”
โดยเกมที่เอติฮัด สเตเดียม เมื่อคืนวันพุธที่ 17 เมษายน หลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึง 20 นาที ทั้งสองทีมก็เสมอกันแล้ว 2-2 ก่อนที่เจ้าบ้านจะขึ้นนำในนาทีที่ 21 จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงแบบจ่อๆ ขึ้นนำก่อน 3-2
ตามด้วยประตูทิ้งห่างไปเป็น 4-2 ในนาทีที่ 59 เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลทะลุไปถึง เซร์คิโอ อเกวโร ซัดบอลเข้าเสาแรก แต่แล้วในนาทีที่ 73 สเปอร์สก็ได้ประตูที่ 3 จากลูกเตะมุม คริสเตียน อีริกเซน เปิดเตะมุมฝั่งซ้าย บอลลอยมาโดนแขนของ เฟร์นานโด ยอเรนเต พุ่งเข้าประตูไป ผู้ตัดสินเรียกใช้งาน VAR เพื่อดูรีเพลย์ก่อนจะตัดสินให้เป็นประตู เนื่องจากแขนของยอเรนเตชิดตัวและไม่มีเจตนาใช้มือเล่น
ช่วงท้ายเกมซิตี้เกือบได้ประตูสำคัญในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+3 นาทีจากจังหวะที่อีริกเซนจ่ายบอลพลาดไปเข้าทางอเกวโร ส่งต่อให้สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปยิงเป็น 5-3 แต่ผู้ตัดสินใช้ VAR และยกเลิกประตูของซิตี้ เนื่องจากอเกวโรอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า จบเกมด้วยสกอร์ 4-3 ส่งผลให้สเปอร์สทะลุถึงรอบรองชนะเลิศครั้งแรกของรายการนี้ภายใต้ชื่อใหม่ ขณะที่ซิตี้พลาดโอกาสคว้าแชมป์ 4 รายการภายในปีนี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์